หลังจากที่เราปลดล็อค Steel Path เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ผู้เล่นหลายคนก็อาจจะเกิดคำถามว่า แล้วต้องทำอะไรต่อไปดีล่ะ? เมื่อเรามาถึงตรงนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอิสระทำอะไรที่อยากทำได้เลย ไม่มีลำดับความสำคัญก่อนหลังขึ้นอยู่กับเราล้วนๆ เพียงแต่ว่าเราก็มีสิ่งที่จะมาแนะนำเป็นไกด์ให้ลองอ่านแล้วเลือกทำดูได้
1.ไล่เคลียร์เควสที่เหลือทั้งหมด
สำหรับใครที่ปลดล็อค Steel Path แล้วยังเหลือพวกเควสที่ไม่ได้ทำอยู่ โดยเฉพาะเควสประเภท เควสหลักและเควสเสริม ใครที่ยังมีเควสเหลืออยู่ก็แนะนำให้ไล่ทำให้หมดก่อน  เพราะมันมีส่วนช่วยในการปลดล็อคระบบต่างๆ ที่สำคัญเป็นอย่างมาก

2.หา Warframe Prime ตัวหลักตัวแรก รวมไปถึงอาวุธหลักไว้ใช้งานใน Steel Path
เมื่อปลดล็อค Steel Path แล้ว สิ่งที่ควรทำอีกหนึ่งอย่างก็คือ ให้เราเริ่มมองหา Warframe ที่จะใช้เป็นหลักในการเล่นในโหมด Steel Path ซึ่งการจะปั้น Warframe มาใช้เป็นหลัก พร้อมกับอาวุธหลัก 1 ชิ้น จะต้องใช้ทรัพยากรมากพอสมควร ทั้ง Endo และ Credit เพื่อใช้ในการอัพเลเวล Mod, ตัว Arcane ที่ต้องหาซื้อด้วย Platinum เนื่องด้วยมือใหม่จะยังคงไม่มี Arcane ดีๆ ใช้แน่นอน เพราะฉะนั้นลงทุนหาซื้อแบบเต็มเลเวล 5 มาให้ได้ ดังนั้นการจะลงทุนใน Warframe ตัวแรก และอาวุธประจำชิ้นแรก จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องตัดสินใจให้ดี

สำหรับ Warframe ตัวแรกทางเราแนะนำให้เลือกเป็น Revenant Prime
สาเหตุเพราะว่ามันคือตัวละครที่อึดถึกทน เล่นง่าย สกิลทำความเข้าใจได้ง่าย แค่มีอาวุธดีๆ สักอัน ก็ลุยได้ยาวๆ สามารถเคลียร์ทุกอย่างในโหมด Steel Path ได้ไม่ยากเลย สำหรับรายละเอียด ให้ดูตามลิ้งค์นี้ Revenant Build ซึ่งภายในลิ้งค์ เขาก็จะแนะนำการใส่ Mod เอาไว้ให้แล้ว สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มี Mod อย่าง Prime Flow, Prime Continuity ก็สามารถใช้ Mod Flow กับ Continuity เฉยๆ ไปก่อนก็ได้เช่นกัน ส่วน Mod อื่นๆ ก็สามารถหาเอาเองได้ หรือจะซื้อจากคนอื่นก็ได้เช่นกัน ราคาไม่ค่อยแพงมากเท่าไหร่ไม่กี่ Platinum สำหรับ Arcane จะเห็นว่าใน Build แนะนำเป็น Molt Augmented อันนี้แนะนำให้หาซื้อแบบเลเวล 5 มาเลย เพราะเป็น Arcane ยอดนิยมใส่ได้กับทุก Warframe เลยก็ว่าได้ ส่วน Arcane Power Ramp อันนี้ถ้าอยากประหยัด Platinum หน่อย ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ หาอันอื่นใส่แทนได้เช่นกัน หรือจะเว้นว่างไว้ก่อนค่อยหาอะไรมาใส่ทีหลังก็ยังได้

ส่วนทางด้านอาวุธเนื่องด้วยเกมนี้เอาจริงๆ แล้วมีอาวุธที่น่าสนใจ น่าใช้งานที่เยอะมาก แต่อันที่เราเลือกแนะนำนี้ จะอิงเรื่องของความยากง่ายในการหามาใช้งานด้วย ซึ่งในบรรดาตัวเลือกเหล่านี้ เลือกหยิบมาเพียง 1 อัน ก่อนก็ได้ แล้วปั้นมันเอาไว้ใช้เป็นอาวุธหลักยาวๆ ไปเลย หลังจากนั้นเราก็จะสามารถตามหาอาวุธใหม่มาใช้งานเพิ่มเติม
Torid (Incarnon): อาวุธชิ้นนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นของที่ดีมาก แนะนำว่ามือใหม่ทุกคนควรรีบหามันเอาไว้ใช้โดยเร็ว ตัวปืน Torid เริ่มต้นเราจะหาได้จากการซื้อแบบแปลนใน Dojo ที่ Bio Lab แต่ส่วน Incarnon ของมันจะเป็นของรางวัลรายสัปดาห์ในโหมด The Circuit แบบ Steel Path ซึ่งจะปรากฏออกมาให้เลือกรับได้เพียงแค่ 1 ครั้งในช่วงเวลา 2 เดือน ทำให้บางครั้งหากจังหวะของคุณไม่ลงตัว อาจจะต้องรอนานหน่อยกว่าไอเจ้า Torid Incarnon จะปรากฏออกมาให้เรารับได้อีกครั้ง ส่วนจะเช็คว่ามันจะมาเมื่อไหร่ให้ดูที่ลิ้งค์นี้ Warframe Wiki Incarnon เมื่อเข้าไปที่ลิ้งค์แล้วให้เลื่อนลงไปด้านล่าง ตรงตารางที่เขียนว่า Week 1-8 ซึ่งไอเจ้า Torid Incarnon จะอยู่ที่ Week 5 ส่วน Week ปัจจุบันอยู่อันที่เท่าไหร่ก็สังเกตุว่าแทบมันไฮไลท์อยู่ที่ Week ไหนนั่นเอง (ตัว Week มันจะวนจาก 1 ถึง 8 พอ 8 แล้วสัปดาห์ถัดไปจะวนกลับมาที่ 1 ใหม่อีกครั้ง ถ้าจังหวะไม่ดีก็ต้องรอหน่อย)

Nataruk: อาวุธนี้จะเป็นปืนหลักที่ได้รับมาฟรี หลังจากผ่านเควส สงครามใหม่ ถึงมันจะเป็นของฟรีแต่ก็ดีเอามากๆ ก็แนะนำว่าให้ใช้มันเป็นอาวุธหลักแก้ขัดไปก่อนก็ได้ จนกว่าจะเจออาวุธปืนหลักที่ถูกใจ แต่เชื่อเถอะว่าการปั้นอาวุธชิ้นนี้เอาไว้ ไม่เสียหายหรอก ข้อดีของมันเลยก็คือการที่มันยิงเป็นเส้นตรง ทะลุศัตรูได้ไม่จำกัด และมันจะระเบิดสร้างความเสียหายแบบกลุ่มได้อีกด้วย ส่วนข้อเสียก็คือการยิงแต่ละนัดนี่แหละที่มันช้าตรงที่ต้องชาร์จยิง ทำให้หลายคนรู้สึกขัดใจไปหน่อย

Epitaph Prime: ปืนรองตัวนี้ที่แนะนำก็เพราะว่ามันหาซื้อได้ในราคาเพียงประมาณ 20 Platinum เท่านั้น แต่อนุภาพของมันจัดเป็นระดับต้นๆ ของเกมเลยทีเดียว ข้อดีก็คือมีโหมดการยิง 2 แบบ หากยิงธรรมดาจะเกิดระเบิดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่เบาหน่อย ส่วนอีกแบบคือการกดค้างแล้วปล่อยจะเป็นเป้าเดี่ยวที่ยิงได้รุนแรงมาก หากเป็นมือใหม่แต่ง Mod ดีๆ ก็ยิงศัตรูสร้างความเสียหายเกิน 1 ล้านได้

Xoris: อาวุธชิ้นนี้จะได้มาฟรีจากการทำเควส เดดล็อกโพรโทคอล (The Deadlock Protocol) นับว่าเป็นอาวุธที่หาได้ง่ายและน่าใช้งานเป็นอย่างมาก เพียงแค่ค้างแล้วกดระเบิดก็แรงสุดๆ ส่วน Build แนะนำเบื้องต้นก็แนะนำให้ดูคลิปที่ ลุงแมว ได้ทำเอาไว้ก็ได้ สำหรับมือใหม่เชื่อเถอะ ปั้นชิ้นนี้เอาไว้ไม่ผิดหวัง

3.ฟาร์ม Vitus Essence เพื่อซื้อ Galvanized Mods ที่จำเป็น
สำหรับ Mod พวก Galvanized Mods นั้นถือว่าเป็นหนึ่งใน Mods ที่ดีเอามากๆ แนะนำเลยว่าควรหามันมาใช้งานโดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับวิธีการได้รับ Galvanized Mods นั้น ก็จะมาจากการใช้ Vitus Essence นำไปแลกกับ NPC ที่อยู่ใน รีเลย์ต่างๆ ตรง ซินดิเคต Arbiters of Hexis โดยจะเฝ้าประตูอยู่ทางฝั่งซ้าย ซึ่ง Galvanized Mods แต่ละอันก็จะใช้ Vitus Essence 20 อันในการแลก ซึ่งวิธีการฟาร์มหา Vitus Essence นั้นก็ไม่ยากเลย หลังจากที่เราปลดล็อคทางเชื่อมต่อดาวอีรีสแล้ว ในทุกชั่วโมงจะมีภารกิจประเภท Arbitration Alerts ซึ่งภารกิจนี้จะเป็นภารกิจประเภทที่ทำเรื่อยๆ ได้ เพียงแต่ใน 1 ชั่วโมงเราจะมีโอกาสลงแค่เพียง 1 ครั้ง หากลงแล้วจบภารกิจออกมาเร็ว ก็ต้องรอชั่วโมงต่อไป ระบบถึงจะสุ่มภารกิจใหม่ขึ้นมาให้ใหม่ โดยปกติแล้วเมื่อสำเร็จภารกิจทุกครั้งก็จะได้รับมา 1 อัน และหากอยู่ในภารกิจนานก็จะได้เพิ่มเรื่อยๆ ตามจำนวนรอบที่เราผ่านได้นั่นแหละ นอกจากนั้นก็จะมีไอเจ้าโดรนตัวเล็กๆ ที่ชื่อว่า Arbitration Shield Drones มันจะคอยสร้างเกราะป้องกันรอบตัวของมัน ซึ่งไอเจ้าโดรนนี้แหละ เมื่อเราทำลายมันก็จะมีโอกาสดรอป Vitus Essence ให้เราอีกด้วย

4.เพิ่มความสัมพันธ์กับฝ่ายต่างๆ ให้ถึงระดับ 5
สำหรับความสัมพันธ์ในฝ่ายต่างๆ ในที่นี้ จะหมายถึงความสัมพันธ์ที่อยู่ในแผนที่หรือเมืองต่างๆ (ไม่รวม Syndicate 6 ฝ่าย ที่เราต้องเลือก) ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีของรางวัลที่ให้แลกแตกต่างกันไปด้วย ก็แนะนำว่าพยายามค่อยๆ เพิ่มความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องรีบร้อนมากก็ได้ ทำเท่าที่สบายใจ เพราะแต่ละวันมันก็เพิ่มได้จำกัดจำนวนอยู่แล้ว ส่วนแต่ละที่มีจุดเด่นของรางวัลที่น่าสนใจอะไรบ้างก็ตามด้านล่างนี้เลย
Ostron (ซีตัส โลก): สำหรับบนดาวโลก ไอเทมพิเศษที่เราจะหาได้จากที่นี่ก็คืออาวุธประชิดที่เรียกว่า Zaw ซึ่งเราสามารถเลือกชิ้นส่วนต่างๆ ประกอบขึ้นมาเป็นอาวุธเองได้

The Quills (ซีตัส โลก): อันนี้เป็นอีกหนึ่งฝ่ายที่เราจะปลดล็อคหลังจาได้ร่าง Operator มาแล้ว และการเลื่อนขั้นจำเป็นจะต้องใช้ไอเทมที่ได้มาจากการล่า Eidolon ส่วนวิธีการล่าแนะนำให้ดูคลิปของคุณ PhongFu (คลิ๊กที่นี่) ส่วนไอเทมแลกเปลี่ยนจาก The Quills ก็คือ AMP ปืนประกอบ ของร่าง Operator ของเรา

Solaris United (ฟอร์ทูนา ดาวศุกร์): สำหรับฝ่ายนี้ ไอเทมเด่นในการแลกก็คือ Kitguns ปืนประกอบ กับ Companions คู่หูแบบที่เราประกอบขึ้นมาเอง

Vox Solaris (ฟอร์ทูนา ดาวศุกร์): ฝ่ายพิเศษนี้จะปลดล็อคตอนที่เราสร้างความสัมพันธ์กับ Solaris United ถึงระดับ 5 ก่อน จึงจะปลดล็อคฝ่ายนี้ได้ โดยจะมีภารกิจพิเศษที่เรียกว่า Profit Taker ขึ้นมาให้ทำ ส่วนของรางวัลแลกเปลี่ยนก็จะเป็น AMP เหมือน The Quills เพียงแต่จะมีชิ้นส่วนที่นิยมใช้กันมากอยู่ในฝ่ายนี้นี่แหละ

Ventkids (ฟอร์ทูนา ดาวศุกร์): ฝ่ายนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เกี่ยวกับ K-Drive ล้วนๆ แต่ก็จะมีปืนรองอย่าง Kompressa ให้แลกด้วย แต่ก็ต้องทำความสนิทให้ถึงระดับ 5 เลยทีเดียว ใครที่ไม่ชอบเล่น K-Drive สามารถข้ามได้

Entrati (เนคราลิกส์ เดมอส): ฝ่ายนี้คือสำคัญมากแนะนำให้พยายามเพิ่มความสัมพันธ์เป็นเลเวล 5 ให้ไวที่สุด เพราะว่ามันจะมีไอเทมที่ปลดล็อคเกี่ยวข้องกับระบบ Helminth อยู่ด้วย ส่วนอื่นที่น่าแลกก็จะมี การจับสัตว์ที่ป่วยในดาว แล้วมารักษาให้กลายเป็น Companions คู่หูกับเราได้

Necraloid (เนคราลิกส์ เดมอส): ความสัมพันธ์ของฝ่ายนี้จะปลดล็อคหลังจากจบเควส สงครามใหม่ ซึ่งของรางวัลต่างๆ จะเกี่ยวข้องกับระบบ Necramech ล้วนๆ เลย หากใครยังไม่สนใจก็สามารถข้ามไปก่อนได้ ไว้มีเวลาค่อยมาทำภายหลัง

Kahl’s Garrison (Drifter’s Camp โลก): อันนี้จะเป็นฝ่ายที่ปลดล็อคหลังจากทำเควส Veilbreaker ซึ่งวิธีการเล่นในฝ่ายนี้จะพิเศษอยู่ตรงที่เราจะได้บังคับเป็น Kahl-175 ออกไปทำภารกิจ ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นรายสัปดาห์ไป แล้วนำไอเทมที่สะสมมาได้ ไปแลกเปลี่ยนของรางวัล ซึ่งของรางวัลที่แนะนำให้แลกมาให้ได้ก็คือพวก Mod ประเภท Archon ของดีทั้งนั้น


The Holdfasts (คริสซะลิธ Zariman Ten Zero): ฝ่ายนี้ค่อนข้างสำคัญพอสมควรเลย เพราะแต้มที่หามาได้ เราสามารถนำไปใช้กับ NPC ที่ชื่อว่า Cavalero เขาจะให้แลก Arcane ต่างๆ ได้ ซึ่ง Arcane ยอดนิยมที่มือใหม่ควรจะมีใช้ก็คืออย่าง Molt Augmented, Molt Efficiency, Cascadia Flare นอกจากนั้นก็ยังมีอาวุธดีๆ อย่าง Phenmor, Felarx, Laetum, Innodem ก็นับว่าเป็นอาวุธที่ใช้ได้ดีมากในช่วงท้ายเกม และส่วนที่พิเศษที่สุดก็คือ Cavalero นั้นจะสามารถให้เราทำการปรับแต่งอาวุธบางชนิดให้กลายเป็นรูปแบบ Incarnon ได้อีกด้วย โดยตัว Blueprint จะเป็นของรางวัลใน The Circuit แบบ Steel Path ซึ่งพิมพ์เขียวของรางวัลปรับอาวุธเข้าสู่โหมด Incarnon ได้นั้นจะมีการหมุนเวียนรางวัลเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์ ซึ่งอันที่แนะนำให้รีบแลกมาใช้งานก่อนเลยถ้าเราเจอว่าในสัปดาห์นั้นๆ มีมาให้แลกก็จะมี Torid, Burston, Dual Toxocyst, Okina

Cavia (Albrecht’s Laboratories เดมอส): สำหรับในฝ่ายนี้แนะนำว่าควรจะรีบเพิ่มความสัมพันธ์ให้ถึงระดับ 5 โดยเร็วที่สุด เพราะว่าจะปลดล็อคด่านใหม่ที่เรียกว่า Deep Archimedea เป็นภารกิจรายสัปดาห์ที่นับว่าเป็นหนึ่งในภารกิจที่ยากที่สุดภายในเกม ส่วนของรางวัลที่น่าสนใจในระบบนี้ก็คือ Archon Shard ซึ่งหาได้ยากมากๆ อยู่แล้ว นอกจากนี้หากเรามีความสัมพันธ์ถึงระดับ 5 ที่ NPC Bird 3 ก็จะมี Archon Shard มาให้เราแลก 1 อันทุกสัปดาห์ด้วย อีกเรื่องหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ NPC Tagfer ก็จะมีภารกิจรายสัปาดห์ให้เราลงที่เรียกว่า Netracells โดยในทุกสัปดาห์เราจะได้รับสิ่งที่เรียกว่า Search Pulse มาจำนวน 5 อัน โดยการลง Netracells จะใช้ 1 อัน ต่อครั้ง แต่มันดันใช้สิทธิ์นี้ร่วมกับ Deep Archimedea ด้วยเช่นกัน โดยระบบนี้จะใช้ Search Pulse 2 อัน รวมไปถึงอีก 1 ระบบที่เรียกว่า Temporal Archimedea ที่จะปลดล็อคใน The Hex ก็ใช้สิทธิ์นี้ร่วมด้วย 2 อันเช่นกัน ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว ในทุกสัปดาห์ Search Pulse 5 อัน เราจะนำไปใช้กับ Netracells, Deep Archimedea และ Temporal Archimedea ก็จะครบ 5 อันพอดี



The Hex (Höllvania Central Mall 1999): อีกหนึ่งฝ่ายที่แนะนำให้เพิ่มความสัมพันธ์ให้ถึงระดับ 5 เร็วที่สุด เพราะมันจะปลดล็อคระบบ Temporal Archimedea จะเหมือนกับ Deep Archimedea ใน Cavia นั่นแหละ แต่จะยากกว่าอีกหนึ่งขั้น เพราะศัตรูจะเลเวลสูงมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากเรื่องนี้แล้ว การเพิ่มระดับความสัมพันธ์ถึง 5 จะเป็นการปลดล็อคฉากจบที่แท้จริงของเควสใน The Hex ด้วย อีกหนึ่งความพิเศษก็จะเป็นเรื่องของ อาวุธในซีรีย์ที่เรียกว่า CODA อาวุธในซีรีย์นี้จะคล้ายกับ Kuva และ Tenet วิธีการหาคล้ายกัน ตัวอาวุธเก็บเลเวลได้สูงสุด 40 เหมือนกัน และมีธาตุพิเศษด้วย ส่วนวิธีการล่าอาวุธ Coda ก็ตามไปอ่านกันได้ที่ไกด์เลย วิธีล่าอาวุธ CODA


5. ฟาร์มในโหมด Duviri
สำหรับใน Duviri เมื่อเข้าไปที่หน้าเมนูของมันแล้วก็จะเห็นว่าถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน และอีก 1 อีเว้นท์ แต่ละอันก็จะมีรูปแบบการเล่นและมีของรางวัลที่แตกต่างกันไปด้วย
เซอร์กิต (The Circuit): โหมดการเล่นที่เราจะสุ่ม Warframe และอาวุธ แล้วไปลงภารกิจแบบเป็นรอบไป และเล่นต่อเนื่องได้เรื่อยๆ โดยจุดประสงค์หลักก็คือการเก็บสะสมคะแนน เพื่อรับของรางวัล ในส่วนเรื่องของรางวัลจะแบ่งออกเป็น โหมดธรรมดา ของรางวัลจะเป็น ชิ้นส่วน Warframe 1 ใน 3 ตัวที่เราเลือก หากเป็นโหมดเส้นทางเหล็กกล้า (Steel Path) ของรางวัลจะเป็น ส่วนประกอบปลดล็อคปืน Incarnon ที่นับว่าเป็น 1 ในซีรีย์ปืนที่แรงที่สุดในเกม
ประสบการณ์ใน Duviri (The Duviri Experience): โหมดนี้จะเอาไว้สำหรับลงไปเพื่อหาทรัพยากรต่างๆ ที่จะหาได้เฉพาะใน Duviri เท่านั้น เพื่อนำมาใช้ในการสร้างอาวุธ และ Warframe นั่นเอง รวมไปถึงเมื่อเราเล่นจบในแต่ละรอบก็จะได้รับ Pathos Clamp มาด้วย เพียงแต่หากต้องการจะฟาร์ม Pathos Clamp แนะนำให้ไปที่โหมด Isleweaver จะเร็วกว่า สรุปแล้วเป็นโหมเอาไว้หาทรัพยากรใน Duviri โดยเฉพาะนั่นเอง
ปกรณัมแห่งความโดดเดี่ยว (Lone Story): โหมดนี้จะเน้นไปที่ภารกิจหลักเพื่อจบเนื้อเรื่องของ Duviri อีกรอบ หลักๆ แล้วไม่จำเป็นต้องลงในโหมดนี้เลยก็ได้ แค่เพียงลงไป 1 ครั้ง เอาไว้ปลดโหมด Steel Path ก็พอ
Isleweaver: โหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด เป็นแหล่งที่เอาไว้ฟาร์มหา Pathos Clamp ได้ดีมาก รวมไปถึง Scuttler Husks หลักๆ แล้วโหมดนี้ ลงเพื่อฟาร์มหา Pathos Clamp เอาไว้แลกรับของรางวัลประจำสัปดาห์ และปลดล็อคอาวุธที่อยู่ในตรงโซนของ The Circuit (เข้าไปที่โหมดนี้แล้วจะเห็นว่ามีอยู่พื้นที่หนึ่ง จะมีอาวุธเรียงกันอยู่ต้องใช้ Pathos Clamp เพื่อปลดล็อคให้ครบทุกชิ้น) นอกจากนั้นก็ฟาร์มเพื่อหา Scuttler Husks โดยเราจะสามารถสร้าง Warframe Oraxia ได้ รวมไปถึงอาวุธต่างๆ อย่าง Spinnerex, Scyotid, และ Thalys โดยเฉพาะอาวุธที่ชื่อว่า Scyotid นี่ของดีบอกเลย




6. Railjack
สำหรับ Railjack โหมดการเล่นที่เป็นยานรบนี้ บอกตามตรงว่าคุณสามารถข้ามมันไปได้เลยในช่วงแรก เพราะว่าไม่มีอะไรสำคัญมากนัก แต่ก็จะมีส่วนที่อยากให้มือใหม่ทุกคนมาเก็บในโหมดนี้ก็คือ ทุกครั้งที่เราเล่นภารกิจในโหมด Railjack สำเร็จก็จะได้รับแต้มที่เรียกว่า อินทรินสิก (Intrinsics) ซึ่งแต้มนี้จะเป็นเหมือนการเพิ่มความสามารถต่างๆ ในกับโหมด Railjack ได้ โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 5 หมวดด้วยกัน มาพูดถึงเฉพาะอันที่สำคัญที่สุดเลยก็แล้วกันนั่นก็คือในหมวด คำสั่งการ (Command) แนะนำให้อัพเฉพาะหมวดนี้ให้ถึงเลเวล 9 ให้ได้ ไม่ต้องอัพอย่างอื่นเลยจนกว่า คำสั่งการ (Command) จะเป็นเลเวล 9 แล้วเราจะได้รับความสามารถที่เรียกว่า ลูกเรือที่รอเรียก (On Call) มา

ซึ่งความสามารถที่ว่านี้ จะทำให้เราสามารถเรียกลูกน้องในยานลงมาในภารกิจปกติได้เป็นเวลา 3 นาที มีคูลดาวน์ 10 นาที โดยเมื่ออัพเป็นเลเวล 9 แล้ว ให้เราไปที่อุปกรณ์วงล้อเกียร์ ทำการติดตั้ง ลูกเรือที่รอเรียก (On Call) ลงไป ทีนี้เวลาที่ลงภารกิจก็สามารถกดใช้เพื่อเรียกลูกน้องของเราลงมาช่วยสู้ได้นั่นเอง ส่วนมากแล้วลูกน้องที่ใช้วิธีนี้เรียกมักจะติดตั้งอาวุธ Kuva Zarr ให้กับมัน เพราะว่าเป็นปืนระเบิดที่แรงมาก แถมตัวลูกน้องที่เรียกมานี่จะมีกระสุนไม่จำกัดทำให้มันยิงปืนระเบิดความแรงสูงนี่ได้เรื่อยๆ เลยนั่นเอง

นอกจากฟาร์ม อินทรินสิกให้ถึงเลเวล 9 แล้ว การเล่นในโหมด Railjack ก็นับว่าเป็นการฟาร์ม Endo ที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะพวกอุปกรณ์แต่งยานที่หามาได้ เมื่อเราย่อยมันทิ้งก็จะได้รับ Endo มาพอสมควร แล้วก็จะมี Warframe Sevagoth ก็หาได้จากการเล่นใน Railjack เท่านั้นด้วย (แต่ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก ไว้ว่างจริงๆ ค่อยมาหาเก็บได้)
7. ไล่เคลียร์จุดในดาวต่างๆ ของ Steel Path
ถ้าถามว่าหลังจากปลดล็อค Steel Path มาแล้ว ควรจะไล่เคลียร์จุดดาวทั้งหมดอีกรอบ 1 มั้ย? คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น แนะนำว่าเอาเวลาที่เล่นไปทำอย่างอื่นก็ได้ เพียงแต่หากเราเคลียร์ทุกจุดในดาวแต่ละดวงก็จะได้รับของรางวัลพิเศษอย่างพวกของตกแต่งประจำดาว และ Steel Essence 25 อัน มาให้ทุกครั้งที่เคลียร์ดาวแต่ละดวงได้นั่นเอง
แต่ในทุกวันจะมีภารกิจที่เรียกว่า การบุกรุกเส้นทางเหล็กกล้า (Steel Path Incursions) ภารกิจประเภทนี้จะสุ่มจุดขึ้นมาทั้งหมด 6 จุดในทุกวัน เมื่อเราลงและทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับ Steel Essence มา 5 อัน ซึ่งเยอะกว่าปกติที่จะได้รับเพียง 1 อันเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วการเคลียร์ภารกิจตามระบบนี้ จะเป็นการปลดล็อคจุดเปรียบได้กับการผ่านภารกิจในจุดนั้นๆ ด้วยนั่นเอง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องไปไล่เคลียร์จุดดาวเองเลย เพียงแค่รอภารกิจประเภทนี้สุ่มจุดให้ทำวันละ 6 จุด ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เคลียร์ทุกจุดในโหมด Steel Path เองอยู่ดี

8. Riven Mods
เล่นมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็เชื่อว่าคงจะพอรู้จักกับ Riven Mods หรือได้รับมันมาพอสมควร สำหรับตอนนี้หากเรามีอาวุธที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็สามารถไปตามหา Riven Mods ที่ดีสำหรับอาวุธของคุณได้เลย เพราะว่ามันเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ดวงและเวลามากพอสมควร นอกจากนี้แล้วในระหว่างที่เราตามหา Riven Mods ของเราเอง บางทีดวงเราอาจจะดีพอที่ไปเจอ Riven Mods ของอาวุธยอดนิยมตัวอื่นแทนก็ได้ ซึ่งไอเจ้า Riven Mods ดีๆ หรือของพวกอาวุธยอดนิยมนี่ ขายได้ราคาพอสมควรเลยนะจะบอกให้ นี่แหละอีกหนึ่งวิธีที่หา Platinum ได้ดีมากเลยล่ะ เพียงแต่คุณต้องมีความรู้เกี่ยวกับพวก Mods พอสมควร ว่าอาวุธชิ้นนั้นๆ ต้องการความสามารถไหนเป็นพิเศษ

9. สะสม Collection ไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่ม MR ให้สูงสุด
ข้อนี้คือหัวใจสำคัญของ End Game ใน Warframe เลยก็ว่าได้ เพราะมันจะทำให้คุณมีเป้าหมายในเล่นไปเรื่อยๆ โดยการเล่นในช่วงนี้ก็คือ ไล่ตามหาทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Warframe, อาวุธ, สัตว์เลี้ยง การที่เราพยายามตาหาของต่างๆ มันจะทำให้เราต้องไปเล่นคอนเท้นต์ทุกอย่าง ทำโน่นนี่นั่นไปเรื่อย จะเหมือนเป็นการเริ่มเล่นเกมนี้อย่างแท้จริง ตัวเกมก็มีอิสระเราเลือกที่จะทำเฉพาะอันที่ชอบที่รู้สึกสนุกก็ได้ ส่วนอันไหนไม่ค่อยชอบก็เอาไว้ค่อยทำทีหลังที่เรามีเวลาว่าง หรือมีเพื่อนไปช่วยกันทำ มันก็จะเร็วขึ้นเยอะ ซึ่งการที่หาของไปเรื่อยๆ แล้วเก็บเลเวลให้เต็ม จะเป็นการเก็บแต้ม MR ไปในตัว เป้าหมายในขั้นแรกจะอยู่ที่ไปให้ถึง MR 30 ให้ได้ เพราะเมื่อถึงขั้นนี้จะมีโบนัสพิเศษมอบให้ไอดีเราเยอะมากอย่าง 3 Umbra Forma, 15 Loadout Slots, 30 Riven Mod Slots

รวมไปถึงจะปลดล็อคระบบที่เรียกว่า True Master’s Font หรือรู้จักกันในชื่อ Blessing Altar ซึ่งหากเราเข้าไปที่ Relay ตอนที่ MR 30 เป็นต้นไป จะสามารถสุ่มแจกบัฟให้กับคนทั้ง Relay ได้ โดยจะเป็นบัฟที่เพิ่มแบบสุ่มอย่างละ 25% ซึ่งก็จะมี เพิ่ม Affinity ที่ได้รับ, เพิ่ม Credits ที่ได้รับ, เพิ่มโอกาสดรอปของ, เพิ่มพลังโจมตี, เพิ่มเลือด, เพิ่มชิลด์ โดยบัฟแต่ละอันนี้จะอยู่ได้นาน 3 ชั่วโมง สามารถซ้อนทับกับบัฟอื่นๆ ได้ แต่ละครั้งที่เราแจกบัฟจะมีคูลดาวน์ 23 ชั่วโมง หากได้รับบัฟเดิมทับกันมันจะไม่ได้เพิ่มเป็น 6 ชั่วโมง แต่จะทำให้เต็มอยู่ที่ 3 ชั่วโมง หากเราได้รับบัฟนี้จากหลายคน ก็สามารถมีหลายบัฟพร้อมกันได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นมือใหม่ก็สามารถไปนั่งเล่นใน Relay ใดก็ได้ แล้วรอคนใจดีแจกบัฟให้ ก็ได้เช่นกัน

ส่วนการที่เราจะไล่ตามหาของสิ่งที่ยังไม่เคยเก็บเลเวลไม่เคยทำ Mastery ให้มันเลย อันนี้เราสามารถกดที่ Profile ของเราแล้วเช็คได้เลยว่าขนาดอะไรไปบ้าง อันไหนเคยทำไปแล้ว แล้วอุปกรณ์ที่เราอยากตามหาแต่ละอันจะหามันได้ที่ไหน หายังไง ก็แนะนำว่าให้เข้าไปที่เว็บไซต์ Warframe Wiki ได้เลย แล้วพิมพ์ชื่อของสิ่งที่เราต้องการตามหา ที่เว็บไซต์จะมีข้อมูลในเกมนี้ทุกอย่างครบถ้วนเพราะเป็นเว็บที่ทีมงาน จัดการดูแลข้อมูลเอง

ส่วนเป้าหมาย MR 30 หากคุณมาถึงจุดนี้ได้ก็บอกเลยว่า คุณคือผู้เล่นระดับสูงภายในเกมแล้ว เพียงแต่หลัง MR 30 ไป มันจะถูกเรียกว่า Legendary แทนล่ะ ปัจจุบันสูงสุดจะอยู่ที่ Legendary 5 หากคุณเห็นใครมียศนี้แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าคนนั้นน่ะ เก็บแทบจะทุกอย่างภายในเกมครบแล้วหรือบางทีอาจจะครบเลยก็เป็นได้
10. แฟชั่น!!
ส่วนสุดท้ายก็จะเรียกกันว่า Fashion Frame ก็ในเมื่อคอนเท้นต์ในเกมทุกอย่างเราผ่านมาหมดแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นพวกปลดล็อคอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ทั้งการแต่งยาน แต่งห้องส่วนตัว แต่งตัว Warframe ไปเรื่อย ซึ่งอันนี้จริงๆ แล้ว เราก็สามารถเริ่มทำกันได้เลยตั้งแต่เป็นมือใหม่ด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับความพอใจส่วนตัวล้วนๆ หากคุณเข้าไปดูผู้เล่นคนอื่นที่เค้าออกมาโชว์ผลงาน อวดการตกแต่งภายในของยาน แล้วก็ห้องส่วนตัว รวมไปถึง Warframe แต่ละตัว คุณจะรู้สึกทึ่งมาก ว่าเขาต้องลงทุนเวลาไปขนาดไหน ก็นับว่าเป็นแรงบรรดาลใจ ในการเป็นนักแฟนชั่น!! เรียกได้ว่ากลายเป็นอีกหนึ่งคอนเท้นต์ของเกมที่ทำให้คุณอยู่มันได้ยาวๆ หลายร้อยหลายพันชั่วโมงกันเลยทีเดียว ทิ้งท้ายกันให้เห็นด้วยคลิปของผู้เล่นต่างประเทศ ที่เค้าทำเอาไว้ให้ดูกันว่า Warframe แต่ละตัวในเกม มันแต่งได้ขนาดไหน
 
				 
															 
								 
															 
								