สำหรับเควสนี้จะรับได้ก็ต่อเมื่อผ่านเควส สงครามใหม่ (The New War) โดยสามารถกดรับได้ที่โคเด็กซ์ เมื่อเรากดรับภารกิจแล้ว ก็จะมีคำเตือนแสดงขึ้นมาว่า เควสนี้จะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที แล้วให้พิมพ์คำว่า SHADOWS เพื่อเป็นการยืนยัน

เมื่อเริ่มเควสมาเราจะได้บังคับ Stalker เมื่อเดิมตามทางจะได้เจอกับ Warframe ตัวหนึ่งซึ่งกำลังนอนป่วยอยู่ จากนั้นเราจะต้องออกไปทำภารกิจแรก เพื่อหายามารักษา

ภารกิจนี้จะเป็นรูปแบบ สอดแนม (Spy) โดยเราจะต้องเข้าไปดึงไบโอพลาสมาจากทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน เสร็จแล้วเราก็จะกลับมาที่ฐานทัพของเราอีกครั้ง เพื่อนำยามารักษาปรากฏว่ายาไม่ได้ผล เราจึงต้องออกไปข้างนอกอีกครั้ง

แต่ในระหว่างทางเดิน จะพบว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาที่ฐานทัพของเราก็ให้กำจัดพวกมันให้หมด จากนั้นก็ขึ้นยานของเรา แล้วจะพบว่า เราได้มาอยู่ที่ยานของพวกเราเอง ตรงส่วนนี้จะเป็นเหมือนมินิเกมเล็กน้อย ที่เราจะต้องคอยหลบสายตาของ Ordis แล้วหาทางเข้าห้องไปเจอกับ Operator ให้ได้

เมื่อเข้าห้องของ Operator แล้ว Stalker และ Operator ก็ได้ปรึกษากันถึงวิธีการช่วยชีวิต Warframe ที่ป่วยอยู่ สุดท้ายจึงได้ส่ง Stalker ไปทำภารกิจ จัดการกับ Juggernaut Behemoth เพื่อนำชิ้นส่วนในร่างการของมันมารักษาอาการ

เมื่อกลับมาที่ฐานทัพแล้ว ด้วยความร่วมมือของ Operator จึงเริ่มการรักษา แต่ผลปรากฏออกมาไม่เป็นดั่งที่ต้องการ Warframe ตัวนั้นได้จากไป แต่กลับหลงเหลือลูกชายของเธอเอาไว้ให้แทน Stalker ก็ได้โอบกอดเด็กชายเอาไว้ในอ้อมแขน

ในระหว่างนี้จะมีผู้บุกรุกเข้ามาที่ฐานทัพอีกครั้ง เราก็ต้องกำจัดมันพร้อมกับพาตัวเองและทารกหลบหนีออกจากฐานทัพ ซึ่งในระหว่างทางเมื่อ Xeto หัวหน้าของกลุ่มผู้บุกรุกได้ยินเสียงทารกร้องขึ้นมา เธอก็ได้สั่งให้ทุกคนหยุดยิง พร้อมกับเปิดทางให้ Stalker ได้ขึ้นยานไปอย่างปลอดภัย

ภารกิจต่อมาเราจะอยู่บนดาว ลูอา (Lua) ตรงนี้เนื้อเรื่องจะเฉลยออกมาด้วยว่า Stalker เดิมทีแล้วเคยชื่อว่า Sorren และเป็นสามีของ Jade (Warframe ตัวที่ตายไปก่อนหน้านี้) อีกทั้งเด็กทารกคนนี้ก็คือลูกของเขาและ Jade นั่นเอง ซึ่งตรงนี้ตัวเกมของเราก็จะให้เลือกชื่อลูกชายด้วยว่าจะให้ชื่อว่า Sirius หรือ Orion ซึ่ง Sirius จะหมายถึงกลุ่มดาวซิริอุสที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และเป็นชื่อที่ Jade เป็นคนคิดให้ลูกชาย ส่วน Orion คือกลุ่มดาวนายพราน เป็นกลุ่มดาวที่ได้รับการตั้งชื่อตามนายพรานในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นชื่อที่ Sorren หรือ Stalker นี่แหละเป็นคนคิดให้ลูกชาย เมื่อตั้งชื่อแล้วก็เป็นอันเสร็จเควส Jade Shadows ลง

หลายคนอาจตกใจว่า Warframe มีลูกได้ด้วยหรอ? ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก่อนที่ Jade จะกลายเป็น Warframe เธอได้ตั้งครรภ์อยู่แล้ว ทำให้สุดท้ายเมื่อกลายเป็น Warframe เลยทำให้สามารถให้กำเนิดลูกชายออกมาได้นั่นเอง หลังจากที่เรากลับมาสู่ยานปกติของเราก็จะได้รับจดหมายจาก Hunhow พร้อมกับได้รับพิมพ์เขียว Waframe Jade มาด้วย

นอกจากนั้นเมื่อจบเควสนี้แล้ว จะมีการปลดล็อคจุดใหม่ที่ชื่อว่า Brutus บนดาว ยูเรนัส (Uranus) จะเป็นภารกิจที่ชื่อว่า เลื่อนขึ้น (Ascension) ความพิเศษของจุดนี้ก็คือ เมื่อเราทำภารกิจสำเร็จจะได้รับ ผงธุรีตกค้าง (Vestigial Motes) มาประมาณ 11-13 อัน (16-18 อัน หากเป็น Steel Path) และหากภายในภารกิจหาจุดสัญญาณครบ 3 อัน ในตอนท้ายของภารกิจจะเป็นการเรียก Sister of Parvos ออกมา ซึ่งจะได้รับ ผงธุรีเพิ่มขึ้นอีก 5-7 อัน (8-10 อันใน Steel Path) ซึ่งไอเจ้า ผงธุรีตกค้างนี่ สามารถนำไปแลกรับของรางวัลกับ Ordis ได้ที่ แคมป์ของดริฟเตอร์ เป็นจุดที่อยู่บนดาวโลก


ส่วนของรางวัลที่น่าสนใจก็คือ พิมพ์เขียวในการสร้าง Warframe Jade, อาวุธ 3 อย่าง และ Arcane อีก 5 อย่าง อีกทั้งในภารกิจ นี้ยังมีความพิเศษอีกอย่างก็คือ มันจะมีศัตรูที่ชื่อว่า Juno Sapper MOA ที่จะดรอป Mod ดีๆ ที่ควรหามาใช้งานด้วยก็จะมี Semi-Rifle Cannonade, Semi-Pistol Cannonade, Semi-Shotgun Cannonade, Rifle Elementalist, Melee Elementalist, Pistol Elementalist และ Shotgun Elementalist

สำหรับเควสต่อไปที่เราจะไปกันก็คือเควสที่ชื่อว่า เสียงกระซิบในกำแพง (Whispers in the Walls) เป็นอีกหนึ่งเควสที่สำคัญพอสมควรเลยทีเดียว และปลดล็อคภารกิจแบบใหม่ที่ให้ทำทุกสัปดาห์อีกด้วย

 
				 
															 
								 
															 
								