สำหรับเควส สงครามใหม่ (The New War) จะมีส่วนที่เราต้องไปขับยาน Railjack ของเราเองด้วย ซึ่งหากใครไมไ่ด้ปรับแต่งยาน Railjack มาบ้าง ก็อาจจะเล่นเควสนี้ได้ผ่านยากหน่อย แต่ก็ยังสามารถพอผ่านไปได้ เพียงแต่อาจจะต้องใช้ความพยายามลองเล่นหลายครั้งหน่อยในช่วงภารกิจที่ให้ขับยาน Railjack (แต่แพทช์ล่าสุด ทางตัวเกมปรับให้ง่ายขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว)
ส่วนอื่นๆ ที่ต้องระวังก็คือ เควสนี้จะเป็นเควสต่อเนื่องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการผ่าน ในระหว่างที่เควสไม่จบเราจะไม่สามารถเล่นในคอนเท้นต์อื่นๆ ได้เลย เพียงแต่ในระหว่างที่เล่นหากเกิดมีธุระอยากเลิกกลางคันก็ทำได้ เพราะตัวเกมจะมีระบบเซฟมันจุดเหมือน Check Points ให้อยู่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มเล่นใหม่ทั้งหมด

เงื่อนไขในการกดรับเควสนี้ได้ก็คือผ่าน บทโหมโรมสู่สงคราม (Prelude to War) และมียาน Railjack เป็นของตัวเองแล้ว ก็มารับเควสในโคเด็กซ์ได้เลย ส่วนในตอนที่เรากดรับเควส สงครามใหม่ (The New War) มา จะมีคำเตือนแจ้งเอาไว้ด้วยว่า เควสนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง และต้องพิมพ์คำว่า NEWWAR เพื่อยืนยันในการเข้าเล่นเควสอีกด้วย หลังจากกดรับไปแล้ว จะเข้าสู่เนื้อเรื่องทันที ทำให้ไม่สามารถเล่นคอนเท้นต์อื่นๆ ได้เลยจนกว่าจะจบเควสนี้

หลังจากจบเนื้อเรื่องเปิดแล้ว เราจะได้บังคับ Kahl-175 ซึ่งส่วนนี้จะยังไม่ค่อยมีอะไรมากนัก เพียงแต่ลุยตามคำแนะนำของภารกิจไปเรื่อยๆ ก็จะจบส่วนแรกนี้ได้ไม่ยากเลย

ต่อมาเราจะได้บังคับ Veso ซึ่งภารกิจของ Veso จะยุ่งยากหน่อย ขั้นแรกเราต้องสั่งให้หุ่นยนต์ Breacher Moa เดินไปยังจุดที่เหล็กปิดกั้นทางเอาไว้ (กดเลข 1 เป็นการสั่งให้มันเดินไปยังจุดที่ต้องการ) จากนั้นให้เรายิงปืนไปที่ตัวหุ่นยนต์ Breacher Moa ของเราเลย เมื่อยิงใส่แล้วตัวหุ่นยนต์ก็จะระเบิดทำลายตัวเอง เปิดทางให้เราไปต่อได้

จากนั้นให้เดินไปยังจุดที่เป้าหมายบอก ทีนี้เราจะต้องสั่งให้หุ่นยนต์เดินไปสับสวิทเครื่องในห้องที่เราไม่สามารถเข้าไปได้ หากหุ่นยนต์ของเราระเบิดไปแล้ว สามารถเดินไปเรียกตัวใหม่ออกมาได้ยังจุดบริเวณที่มีเครื่องหมายระบุเอาไว้อยู่ใกล้ๆ เมื่อเรียกมันออกมาแล้วก็สั่งให้มันเดินไปยังตำแหน่งคอนโซลที่อยู่ในห้องที่เราเข้าไปไม่ได้ เสร็จแล้วตัวหุ่นยนต์ก็จะทำการแฮกเครื่องคอนโซล ได้สำเร็จ ทีนี้เราก็จะไปยังจุดต่อไป

ในจุดที่สอง จะเป็นห้องที่มีไฟฟ้ารั่วไหล วิธีการผ่านได้ก็คือเราจะต้องทำการสั่งให้โดรนบินเข้าไปยังห้องนั้นก่อน แล้วค่อยสั่งการหุ่นยนต์ Breacher Moa ตัวปกติเดินเข้าไปแฮกคอนโซลที่อยู่ในห้อง

ส่วนระหว่างทางไปจุดที่ 3 เราจะต้องเจอกับบอส Jackal วิธีการเอาชนะมันก็คือ เริ่มแรกเราจะต้องยิงจนโล่ของมันลดจนหมดแล้ว ทีนี้ตัว Jackal เหมือนจะชะงักค้างไป ในจังหวะนี้เราต้องสั่งให้ Breacher Moa เดินไปหา Jackal พอมันอยู่ใกล้กันแล้ว ก็ให้เรายิงไปที่ตัวหุ่นยนต์ของเราเพื่อให้มันระเบิด ก็จะลดเลือดของ Jackal หายไปได้ 1 หลอดทันที แล้วก็ทำแบบเดิมใหม่อีกครั้ง เราก็จะสามารถทำลาย Jackal ได้แล้ว จากนั้นให้เดินไปยังห้องต่อไป แฮ็กไปที่เครื่องคอนโซโดยตรงเป็นอันเสร็จภารกิจส่วนของ Veso

ภารกิจต่อมาเราจะต้องขับยาน Railjack ของเราเอง ทำการยิงทำลายยานศัตรูไปเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากทำไปซักพัก ภารกิจก็จะมอบหมายให้เราเดินหน้าต่อไปที่กองเรือของฝ่ายศัตรู

แต่ในระหว่างนั้นก็จะมีภารกิจย่อย กำจัดทีมบุกขึ้นเรือ Sentient ก็คือมีศัตรูบุกขึ้นมาที่เรือของเรา ก็ต้องออกจากจุดขับยาน (โดยการกดปุ่ม X หรือปุ่มสลับปืน) จากนั้นกำจัดศัตรูที่บุกขึ้นมาบนยานของเราให้หมด

หลังจากกำจัดหมดแล้วก็ให้ขับยานมุ่งไปข้างหน้าต่อ เมื่อเข้าใกล้จนถึงประมาณ 1,000 เมตรได้แล้ว ฉากก็จะตัดไปที่ส่วนเนื้อเรื่องอีกครั้ง

ต่อมาเราจะได้บังคับ Teshin ตัวของ Teshin นั้นจะสามารถกดเลข 1, 2, 3 เพื่อสลับธาตุไปมาได้ โดยการโจมตีศัตรูได้นั้นจะต้องปรับธาตุให้ตรงกับตัวศัตรูก่อน ถึงจะสร้างความเสียหายให้กับมันได้ ถ้าเจอศัตรูที่มีออร่าสีแดงก็ต้องกดเลข 1 เพื่อปรับเป็นธาตุไฟ, ถ้าเจอสีเขียวให้กด 2 ปรับเป็นธาตุน้ำแข็ง และ ถ้าเจอสีชมพูต้องกดเลข 3 ปรับธาตุไฟฟ้า

ส่วนภารกิจของ Teshin จะค่อนข้างยาวหน่อย แต่ตัวภารกิจไม่มีอะไรมากแค่ทำตามที่ภารกิจบอกเอาไว้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงสุดทาง จะได้เข้าสู่อุโมงค์วาร์ป ก็จะตัดเข้าฉากเนื้อเรื่องให้เราได้รับชมกัน แล้วเราจะถูกตัดมาที่หน้าล็อคอินเข้าสู่ตัวเกมอีกครั้ง

หลังจากล็อคอินกลับเข้ามาในเกม คราวนี้เราจะได้บังคับตัวละครปริศนา และได้พบกับศัตรูชนิดใหม่ที่ถูกเรียกว่า Narmer ซึ่งภายในภารกิจนี้จะมีภารกิจย่อยให้เราทำเป็นการช่วยเหลือนักโทษชาว Ostron ทั้งหมด 10 คน ที่จะกระจายอยู่ภายในแผนที่ ภารกิจย่อยนี้เราจะทำให้สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ หากทำได้สำเร็จก็ไม่ได้มีรางวัลเพิ่มเติมให้แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นถ้าใครรีบๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเลยก็ได้เช่นกัน

หลังจากที่เราวิ่งไปจนถึงห้องนิรภัยภายในฐานของศัตรูได้ ก็จะมีฉากเนื้อเรื่องขึ้นมาสั้นๆ และให้เรากำจัดเหล่า Sentient จากนั้นก็จะได้วิ่งหนี Archon ที่คอยตามไล่ล่าเราตลอดทาง หากหนีไม่พ้นก็จะต้องเริ่มหนีใหม่ เมื่อเราหนีมันได้จนสุดทางแล้วก็จะมาอยู่ที่ แคมป์ของดริฟเตอร์

ในแคมป์ของดริฟเตอร์จะให้เราวิ่งกลับเข้าไปในยาน ไปจนถึงจุดที่โอเปอร์เตอร์เคยอยู่ และเนื้อเรื่องก็จะเฉลยด้วยว่า ตัวละครปริศนาที่เราบังคับมาตลอดนั้นก็คือตัวดริฟเตอร์ ที่เราได้บังคับในเควส The Duviri Paradox แล้วเราก็จะรับภารกิจใหม่ ขโมยแผ่นป้าย (Stolen Plates)

ตัวภารกิจจะเป็นแนวสอดแนม (Spy) เข้าไปในฐานทัพของศัตรูพวก Narmer ซึ่งบริเวณที่เราต้องผ่านพวก Narmer ไปให้ได้โดยที่ไม่ถูกตรวจจับซึ่งหากจะงมทางเองอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นหากใครรีบอยากผ่านเร็วๆ แนะนำให้ดู Youtube ที่ด้านล่างนี้ก็ได้ จะแสดงวิธีผ่านที่ถูกต้องให้เราได้เห็น จะได้ผ่านไปได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลามากนัก (ส่วนตัวผู้เขียนหาทางผ่านเองใช้เวลางมหาทางผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง T_T)
ภารกิจต่อไป ศัตรูของศัตรู (Enemy of Enemies) เมื่อทำตามเป้าหมายภารกิจไปเรื่อยๆ เราจะได้รับธนูที่ชื่อว่า Nataruk ซึ่งธนูอันนี้จะมีความพิเศษตรงที่กระสุนไม่จำกัด นับเป็นอาวุธหลักใช้งานได้ดีมาก สามารถปั้นเอาไว้ใช้ได้ยาวๆ แถมไม่ต้อง Forma เยอะก็ได้ แต่ Mod ต้องดีหน่อยนะ สามารถดู Build เบื้องต้นได้ที่ https://overframe.gg/items/arsenal/5725/nataruk/

หลังจากที่จบภารกิจ เราก็จะได้รับชมเนื้อเรื่องย้อนอดีตไปในช่วงที่ Operator ยังเป็นนักเรียนอยู่บนยาน Zariman ในระหว่างนี้จะมีมินิเกมที่ให้เราตอบคำถามเล็กน้อย หากตอบผิดก็จะต้องตอบใหม่เรื่อยๆ จนกว่าจะถูก

หลังจากจบฉากเนื้อเรื่องแล้วก็จะกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง สำหรับภารกิจใหม่นี้ จะเป็นการออกล่า Archons 2 ใน 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งแต่ละตัวก็จะอยู่บนดาวที่แตกต่างกันไป จะมีดาวโลก, ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี โดยเราจะเลือกล่าตัวไหนก็ได้ตามที่ต้องการ

หลังจากที่ล่า Archons ครบ 2 ตัวแล้ว ก็จะมีฉากเนื้อเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าร่าง Operator และ Drifter ของเราได้จับมือร่วมกัน ในตอนท้ายของเนื้อเรื่อง ตัวเกมจะให้เราเลือกว่าจะใช้ร่างไหนระหว่าง Operator และ Driter ซึ่งตัวเลือกตรงนี้ สามารถเลือกได้ตามใจ ไม่ส่งผลต่อตัวเกมและเนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก สุดท้ายเมื่อจบเควสนี้เราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ว่าจะใช้ร่างไหน เพียงแต่การเลือกตรงนี้จะมีผลต่อเควสนี้โดยเฉพาะเท่านั้นเอง ว่าจะใช้ร่างไหนในเกมเล่นไปจนจบเควส

ในภารกิจต่อมา นางให้เราอยู่รอด (She Gives, We Live) จะเป็นภารกิจแนวรอบเร้น ที่ต้องค่อยๆ ไล่ถอดหน้ากากเพื่อช่วยเหลือชาว Ostron หลังจากจัดการได้ครบแล้ว ก็ให้เราไปขึ้นบอลลูนลอยฟ้า บินเข้าสู่หอคอย UNUM

ในหอคอยนี้ก็ให้ทำตามภารกิจไปเรื่อยๆ ส่วนภารกิจรองที่ปลดปล่อยชาว Ostron จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ส่วนนี้ไม่มีรางวัลพิเศษให้แต่อย่างใด สุดท้ายเมื่อเราเปิดใช้งานคริสตัลของหอคอยได้แล้ว มันจะสร้างลำแสงขึ้นมา ส่งเราเข้าสู่ยาน Murex

บนยาน Murex นี้ก็ให้ทำตามภารกิจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เจอกับ Lotus เธอจะยิงลำแสงใส่เรา ในตอนนี้ให้เรายิงลำแสงเพื่อกำจัดศัตรูที่อยู่ข้างตัวเธอทั้ง 2 ตัว แล้วเราจะมาดันปะทะกับลำแสงของ Lotus โดยตรง เมื่อทำภารกิจส่วนนี้เสร็จแล้ว เราก็จะถูกส่งออกมานอกอวกาศและมียาน Railjack ของเรามันรับตัวขึ้นไป

เมื่อขึ้นบนยาน Railjack ของเรา ต้องบอกก่อนว่าภารกิจส่วนนี้หากใครไม่ได้ทำการปรับแต่งยาน Railjack มาเลย อาจจะลำบากหน่อย ต้องใช้ความพยายามในการเล่นหลายครั้งถึงจะผ่านได้ไปได้ แต่ก็แนะนำให้อดทนและพยายาม โดยให้บินเข้าใกล้เป้าหมายของภารกิจไปเรื่อยๆ พร้อมกับยิงยานเล็กๆ ที่บินวนรอบตัวเราไป

จนกระทั่งเมื่อเราเข้าใกล้เป้าหมายได้พบสมควรแล้ว ภารกิจก็จะบอกว่า ใช้ปืนใหญ่ด้านหน้าเพื่อทำลาย Narmer Murex ตรงนี้เราจะต้องออกจากแท่นบังคับยาน (โดยการกดปุ่มเปลี่ยนอาวุธ) แล้วขึ้นไปบังคับส่วนที่เป็นปืนใหญ่ที่ด้านหลังแทน ทีนี้ก็ให้เราชาร์จปืนใหญ่แล้วยิงใส่ Murex จนมันระเบิด เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนแรกของยาน Railjack


จากนั้นเราจะต้องมาบังคับยาน Railjack อีกครั้ง คราวนี้จะให้เราจะต้องบังคับยานไปตามทางเรื่อยๆ โดยในระหว่างทางจะมีแสงไฟลอยปะทุมาเป็นระยะๆ โดยจะต้องอาศัยเศษซากของยานที่ลอยอยู่เป็นตัวบัง เพื่อไม่ให้ยานของเราถูกความร้อนเผาไหม้ไป (ตรงนี้อาจจะต้องเล่นหลายรอบหน่อยเพื่อหาเส้นทางที่ถูกต้อง)

เมื่อเราเข้าไปถึงจุดหมายได้แล้ว ภารกิจจะบอกให้เราใช้สลิงช็อต ก็ให้ไปตามที่เป้าหมายระบุเอาไว้ เราก็จะเข้าสู่ฐานทัพของศัตรูได้ในที่สุด ซึ่งตอนนี้เราจะมาบังคับ Necramech แทน ก็ให้บุกตาม Erra ไปตามทางเรื่อยๆ จนสุดทางเราก็จะกลับสู่ร่าง Operator

ทีนี้ภารกิจของเราจะเป็นการปิดใช้งานเครื่องกำเนิด Orphix ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน โดยในแต่ละจุดจะมีศัตรูที่ชื่อ Brachiplyst เป็นตัวคุ้มกันอยู่ประมาณ 3 ตัว ก็ให้เรากำจัดมัน แล้วบาเรียที่คอยปกป้องเครื่องกำเนิดก็จะหายไป ทีนี้ก็สามารถเข้าไปทำลายมันได้แล้ว ก็ให้ทำซ้ำจนครบ 3 จุด

หลังจากทำลายครบ 3 จุดแล้ว ทีนี้เราก็จะกลับสู่ร่าง Warframe ได้ แล้วทำการกำจัด Archon ที่เหลืออยู่ตัวสุดท้าย ทีนี้เราก็จะได้รับชมเนื้อเรื่องอีกเล็กน้อย

เมื่อฉากตัดกลับมาเราจะได้ควบคุมร่าง Operator ต่อสู้กับ Lotus ในระหว่างนี้ เมื่อ Lotus ยิงลำแสงเข้าใส่เรา ก็ให้เราทำการสะท้อนลำแสงนั้นไปยัง แผ่นวงกลมที่แดงๆ ที่อยู่รอบฉากแทน จนเมื่อเราทำลายแผ่นวงกลมสีแดงได้หมด ก็จะได้สู้กับ Ballas

วิธีการสู้กับ Ballas ให้เรามองสำรวจไปรอบๆ ก็จะเห็นว่ามันมีแผ่นสีแดงวงกลมอยู่เช่นกัน เราจะต้องล่อให้ Ballas ยิงลำแสงใส่แผ่นวงกลมสีแดงนี้ให้แตก จากนั้นก็จะเห็นว่าหลอดเลือดของ Ballas กลายเป็นสีเหลืองขึ้นมา ทีนี้เราก็สามารถใช้ร่าง Opeartor ของเรายิงไปที่ Ballas เพื่อลดเลือดของมันได้ ให้ทำวนไปแบบนี้ จนกระทั่งหลอดเลือดของ Ballas ทั้ง 4 หลอดหายไปจนหมด แล้วก็จะเข้าสู่ฉากเนื้อเรื่อง

ในตอนสุดท้ายก็จะมีตัวเลือกเกี่ยวกับตัวตนของ Lotus ว่าเราจะให้เธอใช้ตัวตนอะไรกันแน่ระหว่าง Natah, Lotus และ Margulis การเลือกอันนี้จะทำให้ชื่อของเธอคงอยู่แบบถาวร ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่รูปลักษณ์ของเธอเราสามารถเลือกเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง

เมื่อเลือกเสร็จแล้วก็เป็นอันจบภารกิจที่ยาวนานอันนี้เสียที พร้อมกับเราจะได้รับจดหมายมอบของรางวัลให้กับเรา ซึ่งจะมีของรางวัลที่ดีมากอย่าง ธนู Nataruk หากใครยังไม่มีอาวุธหลักที่ถูกใจ ปั้นธนูอันนี้มาใช้งานเลยก็ได้ กับอีกอย่างหนึ่งก็คือปืน Sirocco อันนี้จะเป็นปืนให้กับร่าง Operator/Drifter ใช้งาน ซึ่งมันดีกว่าปืนปกติมาก ใครที่ยังไม่เคยสร้างปืน Amp ใหม่ แนะนำให้รีบเปลี่ยนมาใช้งานปืนนี้แทนได้เลย

สำหรับเควสต่อไปที่อยากให้ทำก่อนเลยก็คือเควส Veilbreaker ซึ่งจะเป็นเควสที่ทำให้เราสามารถแลก Archon Mod ที่เป็น Mod ที่ดีมาก ได้ในทุกสัปดาห์ เป็น Mod ที่มือใหม่ควรแลกให้ครบ และหากมีแต้มเหลือแล้วก็สามารถนำมาแลกเพื่อเอาไปขายให้ผู้เล่นคนอื่นก็ได้เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งหนทางในการหา Platinum เข้ากระเป๋าแบบสบายๆ เพราะฉะนั้นไปต่อกันเลยที่ บทสรุป Veilbreaker

 
				 
															 
								 
															 
								