บทสรุป Act 3

บึงพัดทราย (Sandswept Marsh)

เมื่อเริ่มใน Act 3 ให้คุยกับผู้คลุมกายเพื่อรับเควส จากนั้นออกสำรวจพื้นที่ โดยในแผนที่นี้จะมีบอสอยู่ 1 ตัว รูทเดรดจ์ (Rootdredge) และหา ค่ายกองไฟโอร็อค (Orok Campfire) ให้เจอ บริเวณนี้จะมีมอนสเตอร์แรร์อยู่ 2 ตัว กำจัดมันให้ได้ และเดินเข้าไปที่ค่ายจะเจอ ตะกร้า (Basket) เปิดมันแล้วจะได้รับ Jeweller’s Orb ชั้นต่ำ (Lesser Jeweller’s Orb) ซึ่งเป็นหินที่เอาไว้ใช้เจาะรูสกิลเสริม ปกติแล้วหินสกิลทุกอันเราจะสามารถใส่สกิลเสริมได้เพียง 2 รูเท่านั้น แต่หากต้องการเพื่อให้เป็น 3 รู ก็ต้องใช้หินนี้แหละเป็นตัวเจาะรูนั่นเอง ส่วนรูที่ 4 จะต้องใช้ Jeweller’s Orb ชั้นสูง (Greater Jeweller’s Orb) และรูที่ 5 ใช้ Jeweller’s Orb ไร้ที่ติ (Perfect Jeweller’s Orb) เมื่อเสร็จธุระทั้ง 2 สองอย่างแล้ว ให้หาทางไปยังแผนที่ต่อไป ค่ายซิกกุรัต (Ziggurat Encampment)

รูทเดรดจ์ บอสประจำแผนที่
ค่ายกองไฟโอร็อก แนะนำหาให้เจอแล้วเปิดตะกร้าจะได้รับที่เจาะรูหินสกิล

ค่ายซิกกุรัต (Ziggurat Encampment)

เมื่อมาถึงในค่ายให้คุยกับ อัลวา (Alva) และ ออสวอลด์ (Oswald) จากนั้นเดินไปคุยกับผู้คลุมกาย ที่นี่จะเป็นเมืองประจำ Act 3 โดยมีเซอร์วี (Servi) เป็นคนที่ทำการย่อยอุปกรณ์ให้กับเรา ส่วนโต๊ะรื้อจะอยู่บริเวณทางซ้ายเยื้องๆ จากเซอร์วี สำหรับจุด Waypoint จะอยู่ห่างออกไปทางขวาสุดของค่ายเลย เมื่อสำรวจจนพอใจแล้วให้เราเดินไปยังแผนที่ต่อไปทางด้านบน ซากปรักหักพังป่าดงดิบ (Jungle Ruins)

ซากปรักหักพังป่าดงดิบ (Jungle Ruins)

ภายในแผนที่นี้จะมีอะไรหลายอย่างให้เราได้ทำเลยทีเดียว เพียงแต่ก็ต้องระวังด้วยเนื่องจากตัวแผนที่จะเป็นป่า ทำให้มองเห็นมอนสเตอร์ไม่ค่อยชัด

  • ตามหาจุดที่มีเวย์พอยน์และลงไปใน สุสานอสรพิษ (The Venom Crypts) ภายในนี้ให้เดินตามหาจนถึงจุด รังของนักบวชงูใหญ่ (Den of the Serpent Priestess) ซึ่งเราจะพบศพ (Corpse) ที่มีชื่อเป็นสีเขียว พอพลิกศพเราจะได้รับ พิษงูไชศพ (Corpse-Snake Venom) เมื่อได้รับมาแล้วให้วาร์ปกลับไปยังค่ายซิกกุรัต แล้วคุยกับเซอร์วี เธอจะมอบรางวัลให้กับเรา ซึ่งจะเลือกได้แค่ 1 ใน 3 อย่างเท่านั้น ระหว่าง ยาขวดสีแดง เพิ่มความยากในการติดสถานะสตันขึ้น 25%, ยาขวดสีเขียวเพิ่มความยากในการติดสถานะเจ็บป่วยธาตุ 30%, ยาขวดสีฟ้า เพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานา 25% ซึ่งตรงจุดนี้แนะนำให้เลือก ขวดสีฟ้าเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานา 25% เพราะมันสำคัญมากที่สุด เมื่อเลือกได้แล้วก็ให้กดใช้ได้เลย
  • ตามหาและปราบบอสในแผนที่ ซิลเวอร์ฟิสต์ผู้ยิ่งใหญ่ (Mighty Silver Fist) เมื่อเอาชนะมันได้แล้วจะได้รับเป็น คัมภีร์เฉพาะทาง (Book of Specialisation) กดใช้เพื่อรับแต้มพาสซีฟชุดอาวุธอีก 2 แต้ม
  • หาทางไปต่อยังแผนที่ แดนแมลงรังควาน (Infested Barrens)

ลงไปในสุสานอสรพิษ เพื่อหาพิษงูไชศพ
บอสกอลิล่าถือเสาหินอันใหญ่ หามันให้เจอแล้วปราบให้ได้

แดนแมลงรังควาน (Infested Barrens)

ในแผนที่นี้จะเป็นเหมือนทางไปต่อเสียมากกว่า แต่ก็มีอะไรให้ทำก่อนจะไปยังแผนที่ต่อไปอยู่บ้าง

  • หาทางเปิดเวย์พอยน์ที่อยู่ตรง กลไกคูน้ำ (Canal Mechanism) จากนั้นก็ให้กด เรียกอัลวา ออกมา คุยกับเธอ แล้ววาร์ปกลับไปคุยกับเซอร์วี เพื่ออัพเดทเควส
  • หาทางไปยังแผนที่ พรุอาชัค (The Azak Bog) เมื่อเข้ามาแล้วให้กดเรียกเซอร์วีออกมา คุยกับเธอ จากนั้นให้ตามหาบอสที่ชื่อ อิ๊กนักดุ๊ก แม่มดพรุ (Ignagduk, the Bog Witch) ปราบมันให้ได้ แล้วเราจะได้รับไอเทม กะโหลกเน่ามณี (Gemrot Skull) และ หอกเขย่าขวัญของอิ๊กนักดุ๊ก (Ignagduk’s Ghastly Spear) โดยกะโหลกเน่ามณีเมื่อกดใช้จะทำให้ได้รับ พลังวิญญาณ 30 หน่วย และหินพลังวิญญาณหยาบเลเวล 10 ส่วนหอกให้วาร์ปกลับเมืองไปคุยกับเซอร์วี แล้วเราจะได้เลือกรับรางวัลของขลังมา 1 ชิ้น
  • หาทางไปต่อยังแผนที่ ป่าชุ่มน้ำไคมีรัล (Chimeral Wetlands)

หาทางเปิดเวย์พอยน์ตรง กลไกคูน้ำ ให้เจอ เพราะต้องวาร์ปกลับมาภายหลัง
วาร์ปไปแผนที่พรุอาชัค เพื่อปราบบอสขี่ไม้กวาดให้ได้

ป่าชุ่มน้ำไคมีรัล (Chimeral Wetlands)

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแผนที่ที่มีอะไรให้ทำพอสมควรก่อนที่จะไปยังแผนที่ต่อไปได้

  • ตามหาและปราบบอสที่ชื่อว่า โชคลูเซียน ไคมีรา (Xyclucian, The Chimera) เมื่อเอาชนะได้แล้วเราจะได้รับ คำขาดจารึกไคมีรัล (Chimeral Inscribed Ultimatum)
  • หาทางเข้าสู่แผนที่ วิหารเคออส (The Temple of Chaos) เมื่อเข้ามาแล้ว เดินไปจนถึงเครื่องบูชาวิหาร หากเราใส่ คำขาดจารึกไคมีรัล ลงไป ประตูจะเปิดเข้าสู่ การทดสอบในวิหารเคออส ซึ่งหากเราสามารถผ่านจนครบ 4 ด่านได้สำเร็จ เราจะได้รับแต้มในการอัพพาสซีฟของคราสอีก 2 แต้ม เพียงแต่หากเลเวลของเรายังน้อยไปจะทำสำเร็จได้ยากมาก แนะนำให้ทำหลังจากจบ Act 3 ขึ้น Act 4 แล้วค่อยกลับมาทำก็ยังได้
  • หาทางเข้าสู่แผนที่ สถานจักรกลฮิคัวนี (Jiquani’s Machinarium)

บอสสำคัญที่ต้องปราบในแผนที่นี้จะมีแค่ ไคมีร่า
บททดสอบในวิหารเคออส แนะนำให้ทำหลังจบ Act 3 ก็ได้ จะได้ง่ายหน่อย

สถานจักรกลฮิคัวนี (Jiquani’s Machinarium)

ในแผนที่นี้เมื่อมาถึงก็ให้เดินไปที่จุด เรียกอัลวา ออกมาแล้วคุยกับเธอ สิ่งที่เราต้องทำก็คือค้นหาแกนวิญญาณขนาดเล็ก (Small Soul Core) เพื่อนำกลับมาใส่ในแท่นบูชาศิลา (Stone Altar) ตรงหน้านี่แหละ เพื่อเปิดการทำงานของมันให้ได้ ก็ให้เราออกค้นหาและนำกลับมาใส่ ก็จะเปิดทางเข้าไปต่อได้

พวกแกนวิญญาณ จะหาไม่ยาก ถ้าเราวิ่งไปใกล้ๆ มันก็จะแสดงขึ้นมาให้เห็นเลย

ทีนี้ในส่วนต่อมา เราก็ต้องตามหาแกนวิญญาณขนาดเล็กเหมือนเดิม เพียงแต่จะมีแท่นบูชาศิลาให้ใส่แกนวิญญาณได้ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ซึ่งเราจะต้องตามหาแกนวิญญาณขนาดเล็กทั้งหมด 3 อันด้วยนั่นเอง โดยแต่ละแท่นที่นำแกนวิญญาณขนาดเล็กไปใส่ก็จะเปิดห้องที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็จะมี

  1. เปิดเข้าสู่ห้องเสบียง อันนี้ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้เพราะเมื่อเปิดเข้าไปก็จะพบกับกล่องสมบัติที่ให้ของเล็กน้อย
  2. เปิดทางเข้าสู่ห้อง โถงแห่งผู้เหลือรอด (Chamber of the Remnant) สู้กับบอส แบล็คจอว์ ผู้เหลือรอด (Blackjaw, The Remnant) ปราบมันให้ได้จะได้รับ แกนเพลิง (The Flame Core) เมื่อกดใช้ทำให้เราได้รับ ค่าต้านทานธาตุไฟ 10% ถาวร
  3. เปิดทางไปต่อยังแผนที่ สถานพำนักฮิคัวนี (Jiquani’s Sanctum)

แบล็คจอว์ ปราบบอสตัวนี้ก่อนแล้วค่อยไปยังแผนที่ต่อไป

สถานพำนักฮิคัวนี (Jiquani’s Sanctum)

เมื่อมาถึงก็ให้ทำการเรียกอัลวาออกมา คราวนี้เราจะต้องตามหาแกนวิญญาณขนาดกลาง (Medium Soul Core) เมื่อได้มาแล้วก็ให้หาจุด เครื่องกำเนิดพลังงาน (Generator) เพื่อนำแกนวิญญาณเข้าไปใส่ด้วย โดยแผนที่นี้จะถูกแบ่งออกเป็นทางซ้ายและขวา ซึ่งเราจะต้องทำแบบนี้ทั้งหมด 2 จุดด้วย ทางซ้าย 1 ครั้ง และทางขวาอีก 1 ครั้ง เมื่อเราทำให้เครื่องกำเนิดพลังงานทำงานครบทั้ง 2 จุด ก็กลับไปหาอัลวา กดที่ แกนวิญญาณขนาดใหญ่ (Large Soul Core) แล้วเราจะได้สู้กับบอส ซีคัวทัล ผู้พิทักษ์แกนวิญญาณ (Zicoatl, Warden of the Core) เมื่อเอาชนะมันได้แล้ว ก็ให้เก็บแกนวิญญาณขนาดใหญ่มาด้วย ทีนี้ก็ให้เราใช้เวย์พอยน์กลับไปยังแผนที่ แดนแมลงรังควาน (Infested Barrens) เดินไปที่แท่นบูชาศิลา เพื่อนำแกนพลังวิญญาณขนาดใหญ่ที่ได้รับมาใส่ลงไป ทีนี้บริเวณใกล้ๆ กันนั้น มันจะปลดล็อคทางน้ำ ทำให้เราสามารถเข้าสู่แผนที่ ทางน้ำมาตลาน (The Matlan Waterways)

พอได้แกนวิญญาณขนาดกลางแล้ว ก็ให้นำไปใส่ที่ เครื่องกำเนิดพลังงานเลย
เมื่อเปิดเครื่องกำเนิดพลังงานครบ 2 จุด กลับมาที่ห้องตรงกลาง เพื่อปราบบอส
พอได้แกนวิญญาณขนาดใหญ่แล้ว ให้นำกลับมาที่ แดนแมลงรังควาน เพื่อเปิดทางเข้าสู่แผนที่ใหม่

ทางน้ำมาตลาน (The Matlan Waterways)

แผนที่นี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือตามกด คันโยกคูน้ำ (Canal Lever) เพื่อปิดกั้นทางน้ำทำให้เราไปต่อได้เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุด กลไกอ่างเก็บน้ำ (Reservoir Mechanism) แล้วสับ คันโยกคูน้ำ อันสุดท้ายก็เป็นอันเสร็จสิ้น สามารถวาร์ปกลับไปยังค่ายซิกกุรัตได้เลย ซึ่งแผนที่นี้ถึงแม้ดูจะไม่มีอะไรมาก เพียงแต่แผนที่มันค่อนข้างใหญ่ กว่าจะมาถึงปลายทางได้ก็ใช้เวลาพอสมควร

แผนที่นี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ขนาดมันค่อนข้างใหญ่ ใช้เวลาพอสมควร

เมื่อวาร์ปกลับมาที่ค่ายแล้ว บริเวณตรงจุดที่ผู้คลุมกายยืนอยู่ เราจะเห็นบันไดให้สามารถวิ่งลงไปได้แล้ว จากเดิมที่ตรงนี้จะมีน้ำกั้นเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเดินลงไปได้ เนื่องด้วยเราสับคันโยกคูน้ำ ทำให้น้ำลดลงจนกระทั่งเราสามารถเดินลงไปสำรวจได้ ให้เดินลงไปจนกระทั่งเจอ อัลวา ให้คุยกับเธอ แล้วเราจะเห็นทางเข้าสู่แผนที่ นครจมน้ำ (The Drowned City)

เดินลงบันไดที่อยู่ข้าง ผู้คลุมกาย จะเจอกับทางไปต่อ

นครจมน้ำ (The Drowned City)

ในแผนที่นี้จะไม่มีอะไรมาก เพียงแค่เป็นทางผ่านไปยังแผนที่อื่นเท่านั้น แต่ก็มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อาจจะใช้เวลาพอสมควรในการสำรวจ โดยให้เริ่มจากหาทางไปยังแผนที่ พระคลังหลอมเหลว (The Molten Vault) เมื่อเข้ามาในพระคลังหลอมเลวแล้ว ให้สำรวจไปจนสุดทาง จะเจอลิฟที่พาเข้าสู่ลานประลอง ซึ่งที่ด้านล่างนั้นจะได้เจอกับบอส เมคทุล ผู้คุมโรงหลอม (Mektul the Forgemaster)  บอสตัวนี้จะมีเลือดเยอะมาก และเวลาต่อสู้ที่จำกัด เพราะจะมีทองคำหลอมเหลวไหลลงมาอยู่เรื่อยๆ หากเราถูกดันไปจนสุดทางแต่ก็ยังปราบบอสไม่ได้ก็จะแพ้โดยทันที ซึ่งบอสตัวนี้จะเป็นเหมือนกับตัวเช็คว่าความมีความสามารถในการสร้างความเสียหายที่เพียงพอหรือเปล่านั่นเอง เมื่อเราสามารถเอาชนะมันมาได้แล้วจะได้รับ ค้อนแห่งคามาซา (The Hammer of Kamasa) ทีนี้ก็ให้วาร์ปกลับไปยังค่ายซิกกุรัต แล้วคุยกับ ออสวอลด์ จะได้รับรางวัลเควสมาเป็น หินสกิลหยาบเลเวล 10 และปลดล็อค โต๊ะหลอม (Reforging Bench) โดยมันจะอยู่ข้าง โต๊ะรื้อ (Salvage Bench) 

เอาชนะบอสที่อยู่ใน พระคลังหลอมเหลวให้ได้ เพื่อปลดล็อค โต๊ะหลอม

ประโยชน์ของโต๊ะหลอมก็คือ หากเรานำอุปกรณ์ที่มีชื่อเดียวกันและระดับเดียวกัน 3 อันมาใส่ มันจะทำการหลอม เป็นอุปกรณ์อันเดิมมาให้ 1 อัน เพื่อให้เรามีโอกาสสุ่ม Mod มันใหม่นั่นแหละ รวมไปถึง Unique Item อุปกรณ์สีส้มชื่อเดียวกัน 3 อัน มาใส่ ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์สีส้มแบบเดิมออกมาให้ 1 อัน เพื่อให้เราสุ่มตัวเลขของอุปกรณ์ใหม่ได้นั่นเอง จุดประสงค์หลักในตอนนี้ของมันก็คือหากเรานำ ศิลานำทาง 3 อันใน Tier เดียวกันมาใส่ มันจะหลอมกลายเป็นศิลานำมาใน Tier ที่สูงขึ้นมาให้ 1 อัน นอกจากนี้เราก็สามารถนำพวก Catalyst, Essence, Soul Core, Distilled Emotion, Relic, Rune แบบเดียวกัน 3 อันมาใส่ เพื่อหลอมใหม่ได้ด้วยเช่นกัน

ทีนี้ก็ให้เรากลับไปยังนครจมน้ำอีกครั้ง คราวนี้เราจะหาทางไปยังแผนที่ต่อไปก็คือ ยอดแห่งความโสมม (Apex of Filth)

ไปต่อกันที่ ยอดแห่งความโสมม

ยอดแห่งความโสมม (Apex of Filth)

ในแผนที่นี้หากเราสำรวจไปเรื่อยๆ จะพบกับเห็ดที่เป็นชื่อสีเขียวอยู่ตามทาง หากเราสามารถเก็บมันได้ครบทั้ง 3 สีแล้วล่ะก็ จะสามารถนำมันลงไปยัง หม้อต้ม (Cauldron) ที่อยู่ในแผนที่นี้ เพื่อแลกเป็นขวดยาได้นั่นเอง เนื่องด้วยของรางวัลค่อนข้างเล็กน้อยนี้ เราสามารถข้ามเควสนี้ไปก็ได้เช่นกัน

เก็บเห็ดครบ 3 อัน นำมาแลกขวดยาได้ที่ หม้อต้ม

จุดประสงค์ที่แท้จริงของแผนที่นี้ก็คือตามหา สระน้ำต่ำทราม (Pool of Depravity) ซึ่งที่นั่นเราจะพบกับบอส ราชินีแห่งความโสมม (The Queen of Filth) เมื่อปราบเธอได้แล้วเราจะได้รับ เทวรูปประตูวิหาร (Temple Door Idol) เมื่อเก็บมาได้ก็ให้วาร์ปกลับไปยังค่ายซิกกุรัต แล้วเดินลงไปด้านล่างเพื่อคุยกับอัลวา และนำเทวรูปที่ได้มาใส่เข้าไปในประตู เปิดทางเข้าสู่แผนที่ วิหารโคเปค (Temple of Kopec)

ราชินีแห่งความโสมม ปราบเธอให้ได้ แล้วจะได้กุญแจไขสู่วิหารโคเปค
นำกุญแจมาใส่ประตูที่ ค่ายซิกกุรัต

วิหารโคเปค (Temple of Kopec)

ในวิหารนี้มีสิ่งที่ต้องระวังก็คือ อย่าเดินเข้าสู่จุดศูนย์กลางแผนที่ เพราะเราจะโดนพระอาทิตย์จำลองแผดเผาสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ให้เราพยายามเคลื่อนที่ไปด้านข้างเท่านั้น และคอยหลบอยู่หลังกำแพงค่อยๆ เลาะไปเรื่อยๆ ขึ้นไปยังชั้นบน เมื่อมาถึงชั้นที่ 3 จะเป็น ยอดแห่งอำนาจ (Precipice of Power) เราจะได้พบกับบอส เคทซูลี นักบวชระดับสูงแห่งตะวัน (Ketzuli, High Priest of the Sun) เมื่อปราบมันได้แล้วให้เรียกอัลวามาแล้วเลือก สำรวจแท่น แท่นมันก็จะลอยขึ้นไป ส่งเรากลับสู่ค่ายซิกกุรัต แล้วมันจะสร้าง ประตูมิติ (Gateway) ขึ้นมา ก็ให้เราเข้าไปในประตูมิติ ก็จะพบว่าเราอยู่ในสถานที่ที่ย้อนเวลามาถึง 400 ปีก่อนยุคแห่ง Imperialus Conceptus จะเริ่มขึ้น เมื่อมาถึงแล้ว อัลวาจะดีใจมากที่เห็นชาววาล์ยังมีชีวิตอยู่ เลยทักทายไป แต่ชาววาล์ก็ได้วิ่งหนี อัลวาเลยวิ่งตาม ทีนี้ก็ให้เราวิ่งตามอัลวาไป จนกระทั่งเข้าสู่แผนที่ต่อไป อุทซาล (Utzaal)

ในวิหารวิ่งขึ้นมาเพื่อปราบบอส เคทซูลี
เข้าประตูมิติ ย้อนไปสู่อดีตอันแสนนาน

อุทซาล (Utzaal)

ในแผนที่นี้ไม่มีอะไรมาก ให้เราสำรวจพื้นที่ไปเรื่อยๆ หากเจอสมบัติต่างๆ ที่มีชื่อสีเขียวก็ให้เก็บมา ซึ่งเราจะสามารถนำมันไปขายกับ ออสวอลด์ ที่ค่ายซิกกุรัต ได้แล้วจะได้รับเงินมาจำนวนหนึ่ง ทีนี้ก็ให้สำรวจจนเจอเข้ากับบอส อสรพิษนาปวดซี (Viper Napuatzi) บอสตัวนี้จะค่อนข้างเก่งพอสมควร ท่าเยอะ จำเป็นต้องจำท่าทางและวิธีการหลบให้ได้ หากไม่สามารถเอาชนะได้ก็แนะนำให้ ทำการปรับแต่งอุปกรณ์และเพิ่มค่าต้านทานชาออสให้มากขึ้นเสียหน่อย เพราะสกิลที่แรงๆ ของมันส่วนใหญ่จะเป็นการใช้พิษ ซึ่งพิษนับเป็นความเสียหายแบบชาออสนั่นเอง เมื่อปรับแต่งมาแล้วก็เชื่อว่าน่าจะช่วยทำให้ชนะมันได้ในที่สุด

บอสตัวนี้ถือว่าเก่งมาก ท่าเยอะ โจมตีแรง ต้องเตรียมตัวมาให้พร้อม

เมื่อเอาชนะมาได้แล้ว ก่อนที่จะไปยังแผนที่ต่อไป ให้พยายามกำจัดมอนสเตอร์ทุกตัวไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะดรอป หัวใจสังเวย (Sacrificial Heart) มาให้กับเรา ซึ่งหัวใจนี้เราจะใช้ทำเควสในแผนที่ต่อไปด้วย ทีนี้ก็หาทางไปยังแผนที่ต่อไป แอ็กโกแรท (Aggorat)

กำจัดมอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ จนดรอป หัวใจสังเวย

แอ็กโกแรท (Aggorat)

ในแผนที่นี้ให้เราพยายามเดินหน้าในส่วนครึ่งแรก ผ่านเข้าสู่ส่วนครึ่งหลัง รอยทางการสังเวย (Trail of Sacrifice) ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณนี้จะมีศพอยู่เยอะมาก แสดงมาถึงครึ่งหลังแล้วนี่แหละ ทีนี้ให้สำรวจให้ทั่วจนกระทั่งเจอเข้ากับ แท่นแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมี มีดสังเวย (Sacrificial Dagger) วางเอาไว้อยู่ ให้เก็บมันขึ้นมา แล้วกดไปตรงจุด วางหัวใจสังเวย (Place Sacrificial Heart) พอวางเสร็จแล้วก็กด แทงหัวใจสังเวย (Stab Sacrificial Heart) ต่อได้เลย แล้วเราจะได้รับ แต้มพาสซีฟชุดอาวุธมาอีก 2 แต้ม ทีนี้ก็ให้ออกสำรวจต่อ ในบริเวณที่ไม่ไกลก็จะเจอแผนที่ต่อไป โถงดำ (The Black Chambers)

นำ หัวใจสังเวย มาที่นี่ แล้วจะได้รับแต้มพาสซีฟชุดอาวุธอีก 2 แต้ม

โถงดำ (The Black Chambers)

ในแผนที่นี้ ให้เราเดินสำรวจไปจนสุดทางก็จะเจอเข้ากับบอสประจำ Act 3 ดอร์ยานี จอมเวทมณีราชสำนัก (Doryani, Royal Thaumaturge) พอเอาชนะได้ก็ให้รอสักพัก ดอร์ยานี จะกระโดดออกมาจากหุ่นยนต์ พอคุยเสร็จแล้วก็ให้วาร์ปกลับไปยัง ค่ายซิกกุรัต เข้าประตูมิติกลับไปยุคปัจจุบัน แต่ทีนี้ตัวเราจะหลุดเข้าสู่ Act 4 แทน ซึ่งเราจะโผล่มาที่ ริ่มตลิ่ง (The Riverbank) โดยใน Act 4 นี้ จะเป็นการเล่นเนื้อเรื่องซ้ำของ Act 1 ทั้งหมด เพียงแต่ศัตรูจะมีเลเวลเยอะขึ้น

บอสของ Act 3 ดอร์ยานี ปราบให้ได้เพื่อไปต่อที่ Act 4

บทสรุป Act 4

Share:

Facebook
X
Flex-Ad-Side-Bar.png
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.