บทความนี้สำหรับเจ้าของ PlayStation 4 และ PlayStation 5 มือใหม่ หากคุณกำลังจะได้เป็นเจ้าของหรือกำลังสนใจศึกษามันอยู่แล้วล่ะก็ มาลองดูข้อมูลสำคัญพวกนี้ได้เลย
อินเตอร์เน็ตถึงไม่จำเป็นแต่ก็ควรมี!
สำหรับไอเจ้าเครื่อง PS4 และ PS5 หากคุณไม่มีอินเตอร์เน็ต คุณจะสามารถเล่นเกมได้ผ่านการใส่แผ่นเกม ติดตั้งและเริ่มเล่นได้ แต่ก็จะมีข้อยกเว้นในบางเกมถึงแม้จะมีแผ่นติดตั้งเสร็จแล้วก็ตาม มันก็ยังบังคับให้เราจำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตด้วย อย่างเช่นเกม Hogwarts Legacy เมื่อติดตั้งตัวเกมจากแผ่นเสร็จแล้ว จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแพทช์เกมก่อนถึงจะเข้าเล่นได้ ดังนั้นหากที่ห้องพักของคุณไม่มีอินเตอร์เน็ตล่ะก็ การใช้งานเครื่อง PlayStation ของคุณอาจจะทำได้ไม่เต็มที่นักและมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างเลยทีเดียว
สรุปได้ว่าถึงแม้เราจะใช้งานเครื่อง PS4 หรือ PS5 ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันควรจะต้องมีอินเตอร์เน็ต ทั้งในเรื่องของการอัพเดท Firmware ของตัวเครื่อง อัพเดท Firmware ของจอย หากเราสนใจซื้อเกมผ่าน Store มันก็ต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการดาวน์โหลดตัวเกม หรือต่อให้ซื้อแผ่นเกมมาบางทีตัวเกมมันก็มีบั๊คอยู่เยอะมาก ทางผู้พัฒนาก็มักจะชอบปล่อยแพทช์ใหม่ของเกมให้เราดาวน์โหลดกันเพื่อแก้ไขบั๊คต่างๆ พวกนี้ด้วย ยังไม่รวมไปถึงหลายๆ เกมความสนุกมันอยู่ที่การออนไลน์เล่นกับเพื่อน สำหรับเครื่อง PS4 และ PS5 นั้นรองรับเน็ตทั้งแบบสายแลนและแบบ Wifi หากคุณกำลังจะเป็นเจ้าของแนะนำให้เตรียมเน็ตดีๆ เอาไว้ได้เลย

สมัคร ID ของ PlayStation Network (PSN)
หากซื้อเครื่องมาเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก มันจะบังคับให้เราสมัคร ID กับทาง PlayStation Network (PSN) ซึ่ง ID นี้สำคัญกับเรามาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการซื้อเกมผ่าน Store ของ PlayStation แบบออนไลน์ หรือการเล่นเกมกับเพื่อนแบบออนไลน์มันก็จะอิง ID นี้อยู่ตลอดเวลา หรือใครอยากเข้าไปสมัครก่อนเปิดเครื่องก็ทำได้โดยการเข้าไปที่ลิ้งค์นี้ PlayStation Network

ระบบ PlayStation Plus (PS Plus)
PS Plus มันคือระบบที่จำเป็นสำหรับใช้งานระบบออนไลน์ภายในเกมต่างๆ อย่างเช่นหากต้องการเล่นเกม Fifa ในโหมดออนไลน์ที่สามารถแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่น หรืออย่างเกม Hell Diver 2 เกมแนว Co-op สุดมันส์ ซึ่งเกมนี้หากเราจะเล่นได้ ID ของเราจะต้องเป็นสมาชิกของระบบ PS Plus ด้วยนั่นเอง นอกจากเรื่องหลักอย่างการออนไลน์เกมแล้ว การที่ ID ของเราเป็นสมาชิกในระบบ PS Plus นั้นก็จะมีข้อดีอีกอย่าง 1 ด้วยกันนั่นก็คือ ในทุกเดือนทางระบบจะแจกเกมฟรีให้กับเราเข้าไปกดรับเป็นเจ้าของกันได้แบบฟรีๆ ซึ่งหลังจากที่กดรับไปแล้ว เราจะได้เป็นเจ้าของเกมนั้นไปเลย แต่มีเงื่อนไขอยู่ก็คือ เกมที่เรากดรับมาฟรีแบบนี้ จะเล่นได้ก็ต่อเมื่อ ID ของเรายังมีสถานะเป็น PS Plus อยู่ หากหมดสถานะ PS Plus เมื่อไหร่ก็จะไม่สามารถเล่นเกมเหล่านั้นได้ หากต้องการเล่นอีกก็เพียงแค่ต่ออายุของ PS Plus เข้าไปใหม่อีกครั้ง
สำหรับค่าใช้จ่ายของการเป็นสมาชิกใน PS Plus นั้นจะคิดราคาแบบเป็นรายเดือน (หรือจะซื้อแบบรายปีก็ได้จะมีลดราคาพิเศษให้ตามช่วงเทศกาล ประมาณ 20-30%) โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นด้วยกัน แต่ละขั้นก็จะมีสิทธิ์พิเศษเพิ่มเติมมาให้ด้วย

ขั้นที่ 1 Essential ราคาต่อเดือน 240 บาท ราคารายปี 1,830 บาท
ในขั้นนี้เราจะได้รับเกมแจกฟรีทุกเดือนประมาณ 2-4 เกม, สิทธิ์ในการเล่นแบบออนไลน์ได้ และพื้นที่ในการเซฟเกมระบบคลาวด์ นอกจากนั้นก็ยังมีลดราคาเกมแบบพิเศษอีกด้วย

ขั้นที่ 2 Extra ราคาต่อเดือน 360 บาท ราคารายปี 3,070 บาท
จะได้รับสิทธิ์ทุกอย่างในขั้นที่ 1 ส่วนที่เพิ่มเติมก็คือ จะมีเกมที่เราสามารถโหลดมาเล่นฟรีได้ใน แคตตาล็อกเกม ซึ่งตัวแคตตาล็อกเกมนี้ เราจะไม่ได้เป็นเจ้าของเกม เป็นเพียงการยืมเล่นฟรีเท่านั้น ซึ่งตัวแคตตาล็อกเกม ในทุกเดือนก็จะมีเกมใหม่เพิ่มเข้ามาให้เล่นได้ แต่ก็จะมีเกมที่ถูกถอดออกจากรายการด้วยเช่นกัน เกมเด่นๆ ดังๆ หลากหลายเกมทั้ง Ghost of Tsushima, Bloodborne, Final Fantasy VII Remake, God of War เป็นต้น อีกทั้งคุณจะได้รับสิทธิ์ในการเล่นเกมฟรีส่วนของ Ubisoft+ Classics อีกด้วย ซึ่งตัวนี้ก็จะมีสิทธิ์ในการเล่นเกมดังของ Ubisoft ได้ฟรี ทั้ง Assassin Creed, Far Cry, Tom Clancy รวมทั้ง Division ภาค 1 และ 2, Ghost Recon Breakpoint (เกมนี้มีภาษาไทย) เป็นต้น
สรุปแล้วหากใครเป็นมือใหม่ยังไม่มีเกมเยอะเท่าไหร่นัก การสมัครแบบ Extra รายปีเลยก็ถือว่าคุ้มค่าเอามากๆ จ่ายเพียง 3,070 บาท (หรือหากรอช่วงลดราคาจะเหลืออยู่ประมาณ 2,300 บาท) เพราะในแคตตาล็อกเกมเล่นฟรี และแคตตาล็อกของ Ubisoft+ Classics จะมีเกมให้เลือกเล่นเยอะมากและเป็นเกมดีๆ อยู่เพียบ เราสามารถเช็ครายชื่อเกมทั้งหมดที่อยู่ในแคตตาล็อกเกมและ Ubisoft+ Classics ได้ที่ลิ้งค์นี้ แคตตาล็อกเกม, Ubisoft+ Classics


ขั้นที่ 3 Deluxe ราคาต่อเดือน 420 บาท ราคารายปี 3,530 บาท
ขั้นที่ 3 นี้ก็จะได้รับสิทธิ์ในขั้นที่ 1 และ 2 ส่วนที่เพิ่มเติมมาก็คือ จะมีเกมใน แคตตาล็อกเกมคลาสสิก เพิ่มเติมขึ้นอีกให้เราโหลดเล่นได้ฟรีอีกด้วยนั่นเอง ซึ่งเกมในแคตตาล็อกเกมคลาสสิกนั้น จะรวมเอาเกมเก่าสมัย PS1, PS2 เข้ามาให้เล่นกันได้ เพียงแต่มันคือเกมเก่าที่ตกยุคไปแล้ว แต่ก็มีเกมดีๆ มีเสน่ห์และความทรงจำในสมัยก่อนอัดแน่นอยู่เพียบทั้ง The Legend of Dragoon, Twisted Metal ภาค 1 และ 2, Grandia, Wild Arms เป็นต้น ตรวจสอบรายชื่อเกมทั้งหมดได้ที่ แคตตาล็อกเกมคลาสสิก
สำหรับขั้นนี้หากใครที่เป็นมือใหม่เลยไม่ได้อยากย้อนวันวานไปกับเกมสมัยก่อน ก็ไม่ค่อยแนะนำให้กดเท่าไหร่นัก แต่หากในช่วงลดราคาแบบรายปี ราคาของมันแทบจะเท่ากับขั้นที่ 2 เลย อาจจะต่างกันเพียงประมาณ 100-200 บาท เท่านั้น ก็น่ากดถึงขั้นนี้ได้อยู่ นอกจากสิทธิ์ในแคตตาล็อกเกมคลาสสิกแล้ว ก็จะมีสิทธิ์พิเศษอีกอย่างก็คือ สิทธิ์ในการทดลองเล่นเกมหรือก็คือเล่นแบบเดโมในเกมใหม่บางเกมได้

 
				 
															 
								 
															 
								