บทสรุป Chapter 3: A Request from the Sea People

บทที่ 3 คำขอร้องจากชาวทะเล

เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านชาวทะเล เดฟก็ตกใจที่ได้เห็นว่ามันมีความสวยงามมาก แต่แล้วผู้คุ้มกันของหมู่บ้านก็ได้เข้ามาจับกุมตัวเดฟ เพราะว่าเขาเป็นมนุษย์นั่นเอง แล้วถามว่าซูวอนกับราโมถูกเดฟลักพาตัวไปใช่มั้ย ตอนนี้เท็นซินเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลยล่ะ ราโมก็บอกว่ามันอธิบายยากน่ะ ส่วนซูวอนบอกว่าเขาน่ะเป็นคนช่วยราโมเอง เธอถูกปลาหมึกลักพาตัวไป ราโมเลยบอกว่าลืมมันไปเถอะพาฉันไปหาพ่อก็พอ จะได้อธิบายทุกอย่างที่นั่นทีเดียว

พวกเราก็จะได้เข้ามาภายในบ้านของเท็นซิน ซึ่งเท็นซินหัวหน้าหมู่บ้านพ่อของราโม ก็ดีใจมากที่ได้เห็นตัวราโม แล้วก็ถามราโมว่าเจ็บบ้างมั้ย มนุษย์มันได้ทำอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวนะไอคนข้างๆ ลูกนั่นมันเป็นใครกัน! ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นพะยูนสีน้ำเงินซะอีก แต่นั่นมันมนุษย์ มันเกิดอะไรขึ้นพ่ออยากได้คำอธิบาย
ราโม: พ่อก็รู้เกี่ยวกับเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ใช่มั้ย อย่างเช่นแรงสั่นสะเทือนและน้ำแข็งที่ปกคลุมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็เริ่มละลาย
เท็นซิน: รู้สิลูก พ่อก็กำลังหาสาเหตุอยู่
ราโม: นี่มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะ พ่อรู้ใช่มั้ยว่าเทคโนโลยีของเรามันมีขีดจำกัด
เท็นซิน: ก็ข้อความโบราณทั้งหมดสูญหายไปและเราจำเป็นต้องค้นหาวิธีการใหม่อีกครั้ง
ราโม: พวกเราไม่สามารถรอต่อไปอีกได้แล้วนะพ่อ ถึงมนุษย์จะเห็นแก่ตัว แต่เทคโนโลยีของพวกเขาก็ดีมาก เราต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา
เท็นซิน: ไม่ ต้องไม่ใช่พวกมนุษย์ พวกมันไว้ใจไม่ได้! พวกมันทำให้บ้านของเราสกปรกและยังล่าพวกเราเพื่อเอาไว้โชว์อีกด้วย พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่คอยตามล่าและขโมยของจากเรา เราไม่สามารถเป็นพันธมิตรกับพวกมันได้
ในระหว่างที่คุยก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง
ราโม: แรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว! เห็นมั้ย? บางอย่างที่เลวร้ายมากกำลังจะเกิดขึ้น หากเราไม่ทำอะไรสักอย่าง
เท็นซิน: อืมม…ฮืมม…
ราโม: ตอนที่ลูกถูกปลาหมึกยักษ์จับตัวไปแถวทะเลของมนุษย์ ก็ได้เดฟนี่แหละมาช่วยหนูไว้
อาวัง: (ไหงไอ้ซูวอนมันบอกว่ามันช่วยล่ะ)
ราโม: ลองถามเขาดูสิ จะได้รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่ชั่วร้าย
เดฟ: เอิ่ม..นั่นก็ใช่..
เท็นซิน: ถึงแม้…ถึงแม้พ่อต้องการแบบนั้น แต่ชาวบ้านคนอื่นอาจจะไม่เห็นด้วย ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์…ทุกคนจะคิดว่ามันยากที่จะเชื่อใจ ถ้าไอหมอนี่ได้รับความไว้ใจจากชาวบ้านแล้วล่ะก็ พ่อจะลองคิดเรื่องที่ลูกพูดมาก็แล้วกัน
ราโม: อืมม..ความไว้ใจจากชาวบ้านงั้นหรอ…แล้วเขาจะเอาชนะใจได้ยังไง?
ซูวอน: ลองไปถามชาวบ้านรอบๆ ดู ว่าพวกเขาต้องการอะไรดีมั้ย?
ราโม: ก็ได้ เนื่องจากการเดินทางไกลในวันนี้คงจะเหนื่อยน่าดู..มนุษย์! กลับมาที่นี่อีกพรุ่งนี้นะ! นายจะต้องฟังคำขอของชาวบ้าน!
เดฟ: เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลย อีกอย่างแล้วฉันจะมาถึงที่นี่ได้ยังไง?
เท็นซิน: อืมม ในเมื่อนายช่วยลูกสาวของฉัน ฉันคิดว่ามันคงไม่เหมาะสมนัก หากมองข้ามความต้องการของนาย แม้ว่านายจะเป็นมนุษย์ก็ตาม ใช้นี่สิ
เดฟ: มันคืออะไร? ดูเหมือนกระจกทำธรรมดาทั่วไป
เท็นซิน: นี่คือกระจกของชาวทะเล เมื่อติดตั้งมันแล้วจะทำให้นายสามารถเดินทางมาที่หมู่บ้านได้ทันที
เดฟ: ว้าว นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
เท็นซิน: ถึงแม้ภัยพิบัติต่างๆ ทำให้พวกเราเสื่อมถอย แต่ในสมัยบรรพบุรุษของเราที่นี่เคยเป็นอารยธรรมที่ก้าวหน้ามาก ตอนนี้สิ่งที่เราเหลืออยู่คือสิ่งของโบราณเพียงไม่กี่ชิ้น..ช่างน่าเศร้า เอาล่ะ ติดตั้งสิ่งนี้ไว้ที่หมู่บ้านของนาย มันจะทำให้เข้ามาที่หมู่บ้านนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ มันจะจำใบหน้าของนายไว้ ดังนั้นมีเพียงแค่นายเท่านั้นที่สามารถใช้งานมันได้ มันทำงานจากแสงของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือแสงแดด ดังนั้นนายใช้งานมันได้เฉพาะในเวลาเช้าและกลางวันเท่านั้น โอ้แล้วก็นี่ แผนที่ของหมู่บ้าน มันจะช่วยให้นายหาชาวบ้านได้ง่ายขึ้น
เดฟ: อืมม เครื่องเทเลพอร์ต มันน่าทึ่งมาก ฉันจะกลับขึ้นไปบนเรือแล้วเอากระจกนี่ไปติดตั้งไว้แล้วกัน

หลังจากนั้นเราก็จะกลับมาอยู่บนเรือและทำการติดตั้งกระจกเอาไว้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าร้านซูชิกำลังเปิดอยู่ เดฟก็เลยตัดสินใจจะไปที่นั่นก่อนเผื่อมีอะไรให้ช่วย แต่พอไปถึงกลับพบว่าเขามาสายเกินไปที่ร้านไม่มีลูกค้าเหลืออยู่แล้ว เดฟก็เลยช่วยทำความสะอาดร้านแทน แต่จู่ๆ โยชิเอะก็เดินเข้ามานั่งในร้าน เธอบอกว่าพึ่งทำงานเสร็จแล้วเห็นร้านยังเปิดไฟอยู่ก็เลยเดินมาดู ตอนนี้บันโชน่าจะกลับบ้านไปแล้ว เดฟก็บอกว่าช่วยนี้เขาดูเหนื่อยๆ กลัวว่าเขาจะป่วยนี่สิ โยชิเอะก็บอกว่าถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็ดีใจนะที่เห็นเขาทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน เดฟเลยถามว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้นเขาได้ยินมาว่าบันโชเคยเกือบจะเลิกทำอาหารเพราะเหตุการณ์บางอย่าง โยชิเอะเลยบอกว่าตอนนั้นเธอก็คิดว่าบันโชจะหายตัวไปแล้วซะอีก เดฟก็ถามว่ามันเรื่องอะไรกันหรอ โยชิเอะเลยตัดสินใจเล่าให้ฟัง แต่ก่อนจะเล่าเธอขอเบียร์มาเสิร์ฟให้หน่อยจะได้มั้ย พอเดฟได้เสิร์ฟเบียร์ให้เธอ เธอก็จะเริ่มเล่า

เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อนที่โรงแรมดูกอง เป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีทั้งประเพณีและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ถึงมันดูเหมือนจะเก่าไปหน่อย แต่ในขณะนั้นคุณภาพอาหารและการบริการได้รับการปรับปรุงใหม่
ผู้จัดการ: โยชิเอะ เธอมีเวลาสักหน่อยมั้ย?
โยชิเอะ: มีอะไรหรอผู้จัดการ?
ผู้จัดการ: ก็ มีลูกค้าเจ้าปัญหาได้ทำการจองมาที่โรงแรมของเรา
โยชิเอะ: ลูกค้าเจ้าปัญหา?
ผู้จัดการ: เธอรู้จักนักแสดงที่ชื่อว่า ลอยส์ ครอว์ฟอร์ด มั้ย? เธอได้ทำการจองที่พักโรงแรมของเราไว้
โยชิเอะ: ฉันเคยได้ยินมาว่าลอยส์ ครอว์ฟอร์ดเป็นคนที่เรื่องมาก แต่โรงแรมของพวกเราก็มีคุณภาพที่สูง มีทั้งประเพณีและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฉันไม่คิดว่าจะมีปัญหาถ้าเธอมาที่นี่นะ
ผู้จัดการ: ฮาฮา ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถเทียบเราได้ถ้าพูดถึงเรื่องการบริการและพนักงาน พวกเราชนะมาแล้วหลายรางวัล แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง เธอได้ยินข่าวลือเรื่องของลอยส์มาบ้างใช่ไหม?
โยชิเอะ: ข่าวลือ?
ผู้จัดการ: ดูนี่สิ เธอมีชื่อเสียงทั้งในด้านเชฟและนักชิม นั่นคือข้อความที่เธอตีพิมพ์ในนิตยสารท่องเที่ยวเมื่อเร็วๆ นี้
โยชิเอะ: หืมม ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายการเดินทางของพวกเธอ แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่การตำหนิโรงแรมที่เธอพักเท่านั้น โรงแรมกลอเรียคือสุดยอดโรงแรมแล้ว แต่เธอก็กลับเขียนรีวิวตำหนิได้
ผู้จัดการ: การออกมาตำหนิทำให้เธอดูเป็น…มืออาชีพ เธอชอบเขียนวิจารณ์ในแนวนี้มาตลอด พวกเราจะทำยังไงดีล่ะโยชิเอะ
โยชิเอะ: ฉันคิดว่าพวกเราไม่สามารถปฏิเสธการจองที่พักได้นะ เพื่อรักษาชื่อเสียงของโรงแรมเราเอาไว้
ผู้จัดการ: แล้วเราจะรับมือกับเธอยังไงดี
โยชิเอะ: พวกเราจะรับการจองที่พัก แต่ก็ต้องเตรียมหาวิธีทำให้เธอพอใจ
ผู้จัดการ: เธอมีไอเดียอะไรบ้างมั้ยโยชิเอะ
โยชิเอะ: โรงแรมของเรามีจุดเด่นตรงที่ประเพณีและประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงมีคุณภาพในการบริการที่สูง ถ้าจะทำให้เธอพอใจก็ควรใช้จุดเด่นตรงนี้ เธอได้จองห้องสูทหรือเปล่า?
ผู้จัดการ: ใช่เธอจองห้องสูท
โยชิเอะ: พวกเราทำต้องความสะอาดและเตรียมห้องพักให้ตรงกับรสนิยมของเธอ พวกเราจะดูแลเธอให้เหมือนแขก VIP ฉันจะดูเครื่องดื่มและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เธอชอบและจัดวางไว้ ในขณะที่ฉันตรวจสอบสภาพห้องด้วย ส่วนคนที่ต้องรับหน้า
ผู้จัดการ: ฉันจะทำมันเอง
โยชิเอะ: ขอบคุณ ไม่มีใครสามารถจัดการกับลูกค้าเจ้าเล่ห์แบบนี้ได้ ยกเว้นคุณที่มีประสบการณ์กับแขกระดับ VIP มากมาย
ผู้จัดการ: ฉันรู้สึกเครียดมากกว่าปกติ
โยชิเอะ: เกี่ยวกับเรื่องอาหาร พวกเราเสนอบุฟเฟ่ต์ให้เธอในมื้อเช้า ส่วนตอนกลางคืนเราจะต้องเตรียมคอร์สพิเศษเอาไว้ให้เธอ
ผู้จัดการ: คอร์สอาหารเย็นไม่ใช่เรื่องถนัดของพวกเราเลย แต่ก็มีตัวเลือกไม่มาก อาหารที่เหมาะสมตอนนี้ดูจะเป็นอาหารญี่ปุ่น เราได้จ้างบันโชมามันก็ดีขึ้นอย่างมาก 
โยชิเอะ: แต่บันโชยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองจริงๆ คุณคิดว่ามันจะโอเคไหม?
ผู้จัดการ: ทักษะการทำอาหารของบันโชน่ะไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ข้อเสียสำคัญอย่างหนึ่งคือเขาไม่คำนึงถึงความชอบของลูกค้า เขาเน้นแต่เพียงการให้ผู้คนได้ลองอาหารรสชาติใหม่ๆ แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ของเขา แต่คราวนี้มันคงไม่ช่วยเราจริงๆ พวกเราต้องเผชิญหน้ากับ ลอยส์ ครอว์ฟอร์ด
โอชิเอะ: ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือกมากนัก ยังไงก็ต้องลองไปคุยกับบันโชดูก่อน

ที่ห้องครัวในโรงแรม
โยชิเอะ: บันโชนายอยู่ที่นี่หรือเปล่า
บันโช: คุณโยชิเอะ คุณมาทำอะไรที่นี่
โยชิเอะ: นายอยู่นี่เอง ดีเลย ฉันมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้จัดการไหว้วานมา
บันโช: เชิญตรวจสอบได้ตามที่คุณต้องการ ที่นี่มันมีแค่เพียงของทั่วๆ ไปสำหรับครัวอาหารญี่ปุ่นน่ะ
โยชิเอะ: (บันโชเป็นคนประหลาด วันหนึ่งเขาปรากฏตัวขึ้นโดยกะทันหันพร้อมกับยื่นเรซูเม่ให้เราและอธิบายว่าเขาเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น ร้านซูชิทุกร้านที่ระบุไว้ในเรซูเม่ล้วนเป็นร้านชั้นนำ แต่บันโชไม่เคยอยู่ที่ไหนได้นานเลย เขาเล่าให้ฉันฟังว่าหลังจากเรียนรู้มากพอแล้ว เขาก็ย้ายออกไปทุกครั้ง ผู้จัดการได้คุยกับเขาเป็นเวลานาน จากนั้นก็ปล่อยให้เขารับผิดชอบการทำงานของทีมอาหารญี่ปุ่น เขามักจะอยู่ในครัวและยุ่งอยู่ทั้งวัน เขาวิจัยอาหารด้วยตัวเองตอนที่ไม่มีลูกค้า เขาเกลียดการถูกขัดจังหวะ)
โยชิเอะ: นายกำลังฝึกฝนอยู่หรอ
บันโช: ใช่ การฝึกฝนหมายถึงความพยายามนับพันๆ ครั้ง การฝึกฝนโดยไม่พักผ่อนคือวิธีเดียวที่จะสร้างผลลัพธ์ที่มีความหมาย
โยชิเอะ: เข้าใจล่ะ ฉันได้ยินมาว่านายไม่เคยหยุดการฝึกและวิจัยอาหารเลย นั่นทำให้ฉันโล่งใจ นายทำงานหนักมากจริงๆ 
บันโช: คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่าโล่งใจน่ะ
โยชิเอะ: บันโช นายอยากจะลองบริการลูกค้า VIP บ้างมั้ย? เธอมีชื่อว่า ลอยส์ ครอว์ฟอร์ด เธอเป็นนักแสดงที่ขึ้นชื่อว่าเอาใจยากและยังเป็นนักวิจารณ์อาหารรสเลิศอีกด้วย
บันโช: คุณหมายความว่าต้องการให้ผมคุพยายามทำให้ผู้หญิงเรื่องมากคนนี้พอใจใช่ไหม
โยชิเอะ: ใช่แล้ว มันสำคัญมากต่อชื่อเสียงของโรงแรมเราน่ะ นายจะว่ายังไง
บันโช: สำหรับผม การทำอาหารคือการต่อสู้กับตัวเอง ไม่ใช่กับคนอื่น การทำอาหารให้สมบูรณ์แบบคือเป้าหมายของผมเสมอมา และจะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะทำอาหารให้ใครก็ตาม ผมเพียงแค่ใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดที่มีในฤดูกาลปัจจุบันและสูตรที่เหมาะสมที่สุด แบบนั้นจะโอเคมั้ยสำหรับคุณ?
โยชิเอะ: ตกลง เราจะฝากอาหารจานเดี่ยวไว้ในมือของคุณ บันโช อย่างไรก็ตาม ฉันอยากจะเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการให้บริการแขกของเรา
บันโช: ได้สิ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการบริการอาหาร
หลังจากคุยกับเรื่องอาหารที่จะเสิร์ฟได้สักพัก
โยชิเอะ: โอเคเราตกลงที่จะใช้ซูชิ ต่อด้วยเทมปุระ ควรจะใช้กุ้งนะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด
บันโช: กุ้งมันธรรมดาเกินไปที่จะสร้างความประทับใจ ลองฟังข้อเสนอของผมดูมั้ย
โยชิเอะ: ลองพูดมาสิ
บันโช: ฉลาม! ฉันคิดว่าจะใช้หัวฉลามในจานนี้
โยชิเอะ: อะไรนะ? ฉลาม? ฉลามมันกินได้หรอ?
บันโช: ฉลามเป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยมาก นี่คือช่วงเวลาของปีที่พวกมันจะอ้วนขึ้น ทำให้มีรสชาติดีขึ้น โดยเฉพาะเนื้อบริเวณแก้มมีเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวหนึบชวนให้นึกถึงเนื้อและปลาธรรมดาทั่วไป
โยชิเอะ: แต่ฉลามเป็นส่วนผสมที่แปลกใหม่เกินไป เราไม่สามารถหาส่วนผสมอื่นที่กินกันทั่วไปได้หรอ? โดยเฉพาะเมื่อนำไปเสิร์ฟให้กับ ลอยส์ ครอว์ฟอร์ด
บันโช: อาหารอร่อยจะทำให้ใครๆ ก็ประทับใจ ใครก็ตามที่กัดเข้าไปจะรู้ว่าอาหารนั้นเป็นอย่างไร มันเป็นอาหารที่ดีที่สุดที่สามารถหาได้ในช่วงฤดูกาลนี้!
โยชิเอะ: ขอเวลาให้ฉันคิดดูหน่อยแล้วกัน ฉันไม่แน่ใจเลยว่ามันจะโอเคมั้ย หากคุณเสิร์ฟจานนั้นแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผลที่ตามมาจะไม่ส่งผลต่อคุณเพียงคนเดียว ทั้งฉันแล้วก็ผู้จัดการจะต้องรับผิดไปด้วย เธอมาที่นี่เพราะว่ามันคือโรงแรมดูจอง ไม่ใช่ร้านอาหารที่นายเปิดขึ้นมาเอง โรงแรมต้องแสวงหาวิธีมอบประสบการณ์การพักผ่อนและความสนุกสนานสูงสุดให้กับแขก ไม่สามารถให้สิ่งใดมาทำลายประสบการณ์นั้นได้ เนื่องจากทางโรงแรมอาจเสียหายได้
บันโช: แต่ก็ยังไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าเธอจะไม่ชอบมัน เธอจะรู้ทันทีที่เธอกัดมันสักคำ ว่ามันคืออาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด
โยชิเอะ: กฎเกณฑ์ย่อมมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ เธอเป็นคนเรื่องมากจริงๆ
บันโช: น่าเสียดายจริงๆ ผมเข้าใจแล้ว จะทำกุ้งเทมปุระก็แล้วกัน ถึงมันจะอร่อยสู้ฉลามไม่ได้เลยก็ตาม

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ลอยส์ ครอว์ฟอร์ด ได้มาถึงที่โรงแรม
ผู้จัดการ: เชิญทางนี้ครับคุณลอยส์ ครอว์ฟอร์ด
ลอยส์: ขอบคุณค่ะ
ผู้จัดการ: นี่คือเชฟของเราบันโช คืนนี้เขาจะมาทำอาหารให้คุณทาน
ลอยส์: หืมม เขาดูเด็กกว่าที่ฉันคาดหวังไว้นะ ฉันหวังว่าจะมีเชฟที่มีประสบการณ์มากกว่านี้สักหน่อย
บันโช: …
ลอยส์: โอ้..ปากแข็งใช่ไหม? บางทีรูปลักษณ์ของฉันอาจทำให้นายพูดไม่ออก?
ผู้จัดการ: ฮาฮาฮา เขาดูเครียดนิดหน่อย! เขายังคงเป็นเชฟฝีมือดี ผมรับรองได้
ลอยส์: ฉันจะตั้งตารออาหารก็แล้วกัน ฉันจำได้ว่าบริการที่นี่ค่อนข้างดีสำหรับโรงแรมเก่า ฉันชอบพรมและภาพวาดบนผนังด้วย เฟอร์นิเจอร์ที่โรงแรมกลอเรียมีลักษณะแบบคิทช์ซึ่งฉันไม่ชอบ แต่ที่นี่มันไม่มียิมเลย ค่อนข้างตกใจนะเนี่ย ฉันจะต้องออกกำลังกายทุกวันเพื่อรักษารูปร่าง
ผู้จัดการ: เราตั้งใจให้การเข้าพักของคุณเป็นไปด้วยความผ่อนคลายมากที่สุด
ลอยส์: ทุกคนต่างก็มีวิธีพักผ่อนตามความชอบของตัวเอง ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกในการอาบน้ำก็ดี ฉันพอใจกับมัน แล้วเรื่องอาหารเย็นล่ะ?
โยชิเอะ: เป็นคอร์สอาหารญี่ปุ่น นี่คือเมนูค่ะ

หลังจากที่ดูเมนูและทานไปได้สักพัก
ลอยส์: งั้นก็เหลือเทมปุระกับของหวานสินะ มันคือเทมปุระอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นกุ้งน่ะ แบบที่มักจะเสิร์ฟพร้อมข้าว? เฮ่อ ของหวานก็คงเป็นผลไม้ธรรมดาทั่วไป.. ฉันคิดว่าฉันได้ลองชิมเกือบทุกอย่างแล้ว
ผู้จัดการ: เป็นยังไงบ้างครับ..คุณรู้สึกดีกับอาหารญี่ปุ่นของพวกเรามั้ย?
ลอยส์: เอาล่ะ มันก็ดีอย่างที่ฉันคาดหวังไว้แล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันสามารถมาที่นี่เพื่อกินอาหารบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทำไมต้องมากินอาหารธรรมดาๆ ที่โรงแรมด้วยล่ะ
ผู้จัดการ: ฮาฮา ถึงแม้แบบนั้น แต่อาหารของพวกเราก็ดีกว่าอาหารในร้านอาหารทั่วไปนะครับ
ลอยส์: ซุปปลากะพงหรืออะไรสักอย่างก็ค่อนข้างน่าสนใจ แต่แค่นั้นแหละ มันเป็นเพียงซุปปลาที่มีรสเผ็ดติดคอ พอคิดว่าใส่มันเทศเหนียวๆ ไว้ด้านบน.. เหอะ.. ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อสัมผัสของมัน
ผู้จัดการ: โอ้..ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยชอบอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่
โยชิเอะ: เราไม่รู้เรื่องนั้น เลยเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นให้คุณ..เป็นความผิดของฉันเอง โปรดรับคำขอโทษจากฉันด้วย
ลอยส์: ยังไงก็เถอะ ถึงมันไม่ได้ดี แต่อย่างน้อยมันก็ดีต่อสุขภาพ โรงแรมนี้ไม่มีแม้แต่ห้องออกกำลังกาย ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดฉันคิดว่าอาหารน่าจะดีต่อสุขภาพ
บันโช: เอิ่ม…ผมขอพูดอะไรสักหน่อยได้มั้ย
โยชิเอะ: บันโช!
บันโช: ขอให้ผมได้แนะนำตัวอีกครั้ง ผมคือหัวหน้าเชฟของที่นี่บันโช ผมไม่ใช่คนที่พูดมาก ส่วนใหญ่จะคอยฟังอยู่เงียบๆ แต่ผมรู้สึกว่าทนเงียบไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ลอยส์: โอ้ ดูเหมือนว่านายมีอะไรอยากจะพูดกับฉันสินะ เห็นได้ชัดว่านายควรจะมีอาหารที่ดีกว่าที่อื่นใช่ไหม?
ผู้จัดการ: บันโช คุณลอยส์ ครอว์ฟอร์ด มาที่นี่เพื่อ–
บันโช: เป็นความผิดของฉันอย่างแน่นอนที่ไม่สามารถจัดหาอาหารให้คุณพอใจได้ คุณพอจะให้โอกาสผมแก้ตัวได้หรือเปล่า
ลอยส์: อะไรนะ โอ้ ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างยุ่งนะ
บันโช: สิ่งที่คุณได้เห็นในวันนี้ไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริงของผม ผมจะเสิร์ฟอาหารที่สามารถเรียกได้ว่าดีให้กับคุณ
โยชิเอะ: บันโชนายจะพูดถึงมันไม่ได้นะ
ลอยส์: หืมม นายจะบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันพอใจได้? ได้สิ ฉันจะรอ แต่เวลาของฉันมีค่า อาหารของนายจะต้องน่าทึ่งมาก
โยชิเอะ: บันโช นายจะทำไม่ได้นะ..
ผู้จัดการ: มันคืออะไรหรอคุณโยชิเอะ ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า?
บันโช: เสร็จแล้ว นี่คือหัวฉลามย่าง
ลอยส์: ให้ตายเถอะ! นี่มัน! นายทอดมันทั้งหัว?
บันโช: มันเป็นเมนูที่น่าทึ่งมาก เนื้อที่แก้มไม่ได้ถูกตัดออก ผมเลือกที่จะทอดทั้งหัวเพื่อรักษาเนื้อสัมผัสที่นุ่มเอาไว้ คุณจะไม่มีวันได้ลิ้มรสอะไรแบบนี้จากที่อื่นอีก! นี่คือเมนูคุณภาพสูงที่ทำมาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด
ลอยส์: เอามันออกไปให้พ้นหน้าฉันนะ! นายเรียกมันว่าอาหารได้ยังไง!
บันโช: คุณพูดอะไรน่ะ? ลองกัดมันสักคำ! ผมรับรองเลยว่าคุณจะเดินทางไปสู่สวรรค์!
ลอยส์: ฉันไม่พอใจกับเรื่องนี้ การบริการของโรงแรมกูจองเป็นแบบนี้หรอ?
ผู้จัดการ: มะ มันเป็นความผิดผมเอง ขออภัยด้วยครับ บันโช โยชิเอะ พวกคุณก็ขอโทษด้วยสิ
โยชิเอะ: ฉันขอโทษด้วยค่ะ คุณลอยส์ ฉันควรจะระมัดระวังมากกว่านี้
บันโช: รูปร่างหน้าตาไม่ใช่สิ่งเดียวที่มีในอาหาร ทำไมคุณถึงปฏิเสธที่จะลองกินด้วยซ้ำ
โยชิเอะ: บันโชตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นายควรพูด
ลอยส์: นี่เป็นเรื่องไม่น่าพอใจมาก มันเป็นเรื่องตลกจากการแอบถ่ายหรือเป็นการลงโทษกันแน่? นายจะต้องชดเชยในเรื่องนี้ อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ฉันจะไปแล้ว ยกเลิกห้องสูท จะคิดเงินค่าธรรมเนียมการยกเลิกของฉันก็ได้ ฉันไม่สน

ตอนนี้ฉากก็ได้ตัดมาที่ร้านซูชิ
โยชิเอะ: หลังจากนั้นบันโชก็ได้ออกจากงานที่โรงแรม เขาบอกว่าเขาต้องการฝึกฝนให้มากกว่านี้ ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่การทำอาหารที่สำคัญเท่าไหร่ แต่เป็นวัตถุดิบและวิธีการทำอาหารที่เขาศึกษา
เดฟ: ฉันยังชื่นชมเขานิดหน่อยที่ไม่ยอมแพ้ต่อความเชื่อที่ว่าเขากำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง
โยชิเอะ: ฉันคิดว่าเป็นเพราะความดื้อรั้นของเขานะ ที่ทำให้เขามีความสามารถมากแบบในตอนนี้ได้ ตอนนี้เขาทำงานกับนาย เขากะทั่งยอมเริ่มเล่นโซเซียล ฉันรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ฉันชอบนะ ฉันคิดว่านายทำดีกับเขา ได้โปรดช่วยอยู่กับเขาต่อไปด้วย
เดฟ: ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยบันโชได้โฟกัสทำอาหารต่อไป

กระจกของชาวทะเล (Sea People’s Mirror)

เช้าวันต่อมาด็อกเตอร์เบคอนก็จะขับเรือเข้ามาทักทายเรา เดฟก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ด็อกเตอร์ฟังทั้งหมด ด็อกเตอร์เบคอนก็ทำได้แค่รู้สึกอิจฉา พอทักทายเสร็จก็ได้จากไป ตอนนี้เราจะสามารถเดินไปที่กระจกแล้วเลือกวาร์ปไปยังหมู่บ้านชาวทะเลได้โดยตรง ภารกิจหลักของเราก็สามารถช่วยเหลือชาวทะเลเพื่อสร้างความเชื่อใจ ซึ่งในหมู่บ้านชาวทะเล เราจะเห็นบ้านหรือคนที่มีเครื่องหมาย ! อยู่นั่นแสดงว่าเขามีเรื่องขอร้องให้เราทำ ภารกิจหลักของบทนี้ก็คือช่วยเหลือชาวบ้านสร้างความเชื่อใจ เมื่อได้ครบ 100 แต้ม ให้ไปคุยกับเท็นซิน ก็จะเข้าสู่บทต่อไปได้ สำหรับภารกิจต่างๆ จะมีเยอะอยู่พอสมเควรแต่เราไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดก็ได้ สามารถดูรายละเอียดแต่ละภารกิจกันได้ที่ด้านล่างนี้เลย

Deliver Mima’s Lunch Boxes

หลังจากวาร์ปมาแล้วจะเห็นบ้านทางด้านซ้าย เมื่อเข้าไปจะพบว่ามันคือร้านอาหาร ให้คุยกับผู้หญิงที่มีเรื่องขอร้องเรา เธอชื่อว่ามิมะ จะวานให้เราช่วยนำข้าวกล่องไปให้กับ อาวังและนาวัง ที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันปกป้องชาวบ้านนั่นเอง พอคุยเสร็จให้ออกจากร้าน แล้วหยิบตะกร้าที่หน้าร้านหิ้วมันไปให้กับ อาวังและนาวังที่อยู่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน เสร็จแล้วก็ให้กลับไปคุยกับมิมะอีกทีเป็นอันเสร็จภารกิจ

Offer Flowers to Kinglong’s Statue

ถัดมาที่บ้านทางซ้ายมีรูปเมล็ดอยู่หน้าบ้าน เมื่อเข้าไปแล้วจะพบว่าที่นี่คือร้านขายเมล็ดพันธุ์ ให้คุยกับชายที่อยู่ข้างในเขาชื่อว่าคาซิน ขายเมล็ดพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งดอกไม้เพื่อถวายแด่ราชาลอง เดฟเลยถามว่าราชาลองคือใคร คาซินก็จะเล่าให้ฟังว่า เขาคือราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้จากภัยพิบัติ เขาจะบอกให้เราเอาดอกไม้ไปถวายแก่ราชาลอง ก็ให้เราออกไปที่หน้าบ้านจะมีดอกไม้วางไว้อยู่ ก็ให้ถือดอกไม้แล้วว่ายไปทางด้านขวาจนกระทั่งได้เจอรูปปั้นอันใหญ่ที่บริเวณกลางหมู่บ้าน เมื่อวานดอกไม้เสร็จแล้วก็ให้กลับไปหาคาซินเป็นอันเสร็จภารกิจ

ตามจับม้าน้ำที่วิ่งหนี (Catch The Runaway Seahorses)

ต่อไปก็ให้ว่ายไปทางด้านขวาสุดของเมืองจะเจอบ้านหลังหนึ่ง เมื่อเข้ามาจะรู้ว่ามันคือร้านเล่นเกม ให้คุยกับผู้หญิงที่อยู่กลางร้าน เธอชื่อว่าลินเฉินเธอจะไหว้วานเราให้ไปตามจับม้าน้ำมาให้หน่อย เพราะว่าแผ่นดินไหวครั้งที่แล้ว ทำให้ม้าน้ำในร้านของเธอหนีวิ่งออกไป  ภารกิจนี้เราต้องไปตามจับม้าน้ำทั้งหมด 4 ตัวที่หลบหนีอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้แหละ

Giraffe Seahorse: จะอยู่บริเวณกลางหมู่บ้าน ข้างประตูวาร์ปใกล้น้ำตก

Hedgehog Seahorse: จะอยู่บริเวณป้ายร้าน ระหว่างร้านขายอาหารกับร้านขายเมล็ดพันธุ์

Dwarf Seahorse: ให้เข้าไปที่ร้านขายเมล็ดพันธุ์ จะเจอม้าน้ำลอยอยู่ในนี้

Crowned Seahorse: ให้เราเข้าประตูวาร์ป ที่อยู่กลางหมู่บ้าน หากดูในแผนที่มันจะเขียนว่า Portal เมื่อเราเข้าประตูแล้วจะวาร์ปไปที่ส่วนด้านบนของหมู่บ้าน จากนั้นให้ไปทางขวาเข้าไปบ้านของเท็นซินก็จะเจอม้าน้ำลอยอยู่ภายในบ้านนี่แหละ

ทีนี้ก็ให้กลับไปคุยกับลินเฉินที่ร้านเล่นเกม เธอบอกว่าจะมอบม้าน้ำมาให้เราตัวหนึ่งโดยให้ไปคุยกับยามิเป็นอันจบภารกิจ แล้วเราจะได้รับภารกิจใหม่มาต่อเนื่องเลย

Talk to Yami at The Game Parlor

ทีนี้ก็ให้คุยกับยามิชายที่ยืนอยู่ด้านข้างนั่นแหละ เขาคือผู้ดูแลสนามแข่งม้าน้ำ และได้ยินมาจากลินเฉินแล้วว่าจะมอบม้าน้ำให้กับเราหนึ่งตัว ทีนี้เราก็จะได้ม้าน้ำมา ทีนี้จะเป็นการปลดล็อคระบบใหม่ แข่งม้าน้ำ โดยก็จะมีบทฝึกสอนเบื้องต้นให้เราได้ลองเล่นกัน ขั้นแรกเราจะต้องทำการลงทะเบียนม้าน้ำก่อนที่เมนู Register เสร็จแล้วก็ไปกดที่คำว่า Race เพื่อเริ่มแข่งได้เลย ซึ่งสนามแข่งก็จะมีหลายสนามแต่ต้องค่อยๆ ปลดล็อคโดยการเอาชนะขั้นก่อนหน้านี้ให้ได้ ในระหว่างการแข่งเราจะต้องทำการบังคับม้าน้ำด้วยตัวเอง ก็ให้ทำตามที่ระบบฝึกสอนบอกได้เลย ซึ่งผลการแข่งขันจะออกมาไม่ค่อยดีนักอยู่แล้ว เพราะม้าน้ำที่ได้มาจะอ่อนแอมาก ทีนี้ในระหว่างที่เราดำน้ำอยู่ข้างนอก หากจับม้าน้ำได้ ก็สามารถนำมันมาลงเบียนเพื่อเข้าแข่งขันที่นี่ได้อีกด้วย

ทีนี้เราจะเห็นว่าตอนนี้สัญลักษณ์ ! ภายในหมู่บ้านได้หายไปหมดแล้ว ก็ให้เราไปที่กระจก กดใช้งานเพื่อกลับขึ้นไปยังบนเรือ เวลาจะถูกกปรับจากตอนเช้าให้กลายเป็นตอนกลางวัน ให้เรากดใช้งานกระจกอีกครั้งเพื่อกลับมาที่หมู่บ้าน คราวนี้เราจะพบว่ามีเครื่องหมาย ! ขึ้นมาใหม่ ก็ให้เริ่มจากร้านขายอาหารกันก่อนได้เลย

ต้องการปะการังท่อ (Tube Corals Needed)

คราวนี้มิมะจะมีเรื่องไหว้วานเรา ตอนนี้เธอยุ่งมากต้องคอยดูแลลูกค้า แถมวัตถุดิบทำอาหารก็หมด นั่นก็คือ ปะการังท่อ (Tube Coral) ให้เราช่วยออกไปหามาให้หน่อยได้มั้ย จะพบมันได้แถวๆ บริเวณที่มีกระดูกของวาฬ

ตอนนี้ก็ให้เราออกจากหมู่บ้านไปทางประตูที่อยู่ทางซ้ายแล้วออกสำรวจในบริเวณความลึกระดับ 200 เมตรนี่แหละ สำรวจให้ดีก็จะเจอกับกองกระดูกวาฬขนาดใหญ่ได้ไม่ยาก ในบริเวณนี้เราจะสามารถหาปะการังท่อได้ไม่ยาก แต่หากหาได้ไม่ครบ 3 อันในการสำรวจครั้งเดียวก็ให้เรากลับขึ้นไปบนเรือ แล้วค่อยลงมาหาใหม่อีกครั้ง เมื่อได้ครบ 3 อันแล้วก็ให้ไปคุยกับมิมะอีกครั้งเป็นอันเสร็จภารกิจ

ตามหาคนเก็บสาหร่าย (Finding The Seaweed Collector)

ภารกิจนี้จะปรากฏออกมาหลังจากสำเร็จภารกิจนำปะการังท่อมาให้กับมิมะ ให้เข้าไปที่ร้านอาหารเพื่อคุยกับมิมะ วันนี้จะมีเรื่องแปลกก็คือไม่มีลูกค้าอยู่ในร้านเลย มิมะก็เล่าให้ฟังว่า เรื่องของเรื่องก็คือ มีคนเก็บสาหร่ายชื่อซึจิ เขาเป็นคนนำสาหร่ายมาส่งให้ร้านอาหารของเรา แต่วันนี้ซึจิไม่ได้มา ทำให้ร้านของเราไม่มีวัตถุดิบเลยไม่สามารถเปิดรับลูกค้าได้ เดฟก็เลยอุทานว่าไม่นะ ว่าแต่มีวิธีติดต่อซึจิได้หรือเปล่าล่ะ มิมะก็บอกว่าเธอมีกุญแจบ้านของซึจิอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งร้านนี้ไปได้ เดฟเลยสงสัยว่ามิมะเอากุญแจมาได้ยังไง มิมะเลยเล่าให้ฟังว่าซึจิน่ะเลี้ยงเต่ายักษ์อยู่ตัวหนึ่ง เธอก็เลยเข้าไปให้อาหารมันอยู่บ่อยๆ จากนั้นก็ขอร้องให้เดฟลองไปดูที่บ้านของซึจิแทน เดฟก็ตกลงแล้วถามว่าบ้านของซึจิอยู่ที่ไหน มิมะก็บอกว่ามันยากที่จะระบุเพราะพื้นที่มันเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอด แต่เต่านั่นน่ะชอบกินแมงกะพรุน หากตามรอยแมงกะพรุนไปก็น่าจะเจอบ้านของซึจิได้

สำหรับบ้านของซึจิ จะอยู่ความลึกแถวๆ ที่เราได้เจอและช่วยเหลือซูวอนและราโมที่นอกหมู่บ้าน ให้พยายามว่ายไปเรื่อยๆ จนได้พบกับกลุ่มแมงกะพรุน แล้วว่ายตามทางไปอีก จะพบประตูสีเขียว หากก่อนหน้านี้เราเคยเจอมันแล้วจะพบว่าล็อคอยู่เข้าไปข้างในไม่ได้ แต่ตอนนี้เราสามารถเปิดประตูนั้นเข้าไปได้แล้วเพราะว่าเรามีกุญแจ

เมื่อเข้ามาข้างในเราจะพบกับซึจิเขาจะตะโกนร้องขอให้เราช่วย บอกว่าดูนา (Dona) ได้กินอะไรบางอย่างแปลกๆ เข้าไปแล้วเธอก็เริ่มมีอาการคลั่ง ให้เราพยายามเข้าไปจับบริเวณส่วนท้ายสุดของเต่า 

เมื่อทำสำเร็จแล้วดูนาจะพ่นพลาสติกออกมาจากปลาของเธอ ซึจิก็จะเข้ามาขอบคุณเรา แต่ก็บอกเราด้วยว่าให้นำข้อความนี้ไปบอกคนอื่นๆ ด้วยว่า อย่าทิ้งอะไรลงไปในทะเลอีก การตกปลาน่ะเป็นเรื่องที่พอรับได้ แต่หากยังทิ้งขยะอยู่อีกจะได้เจอกับลูกเตะครึ่งเสี้ยวจันทร์ของฉันแน่ แล้วซึจิก็จะกระโดดเตะให้เราได้ดู เมื่อจบเรื่องแล้วก็ให้เรากลับไปคุยกับมิมะที่ร้านอาหาร เธอจะขอบคุณเราและจะทำอาหารที่มนุษย์กินได้ให้ด้วย ในวันต่อมาให้ไปหามิมะ เธอจะเปิดขายอาหารให้กับเรา ซึ่งอาหารแต่ละอย่างก็จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเดฟจนกว่าจะขึ้นไปบนบก อย่างเช่น เพิ่มพลังโจมตีด้วยฉมวก 10% เป็นต้น ทีนี้ก็ให้เราสามารถเลือกกินได้ตามใจชอบเลย เพียงแต่จะเสียเบี้ยเหรียญเล็กน้อยต่อการกิน 1 ครั้ง

นกหวีดของดาฟเน่ (Daphne’s Whistle)

ให้เราว่ายไปที่ร้านเล่นเกมแล้วคุยกับ ดาฟเน่ ผู้หญิงผมสีชมพู เธอกำลังหัวเสียเพราะแพ้พนันแล้วเสียนกหวีดเบลูก้าไป นกหวีดนี้จะทำให้เรียกวาฬเบลูก้ามาหาได้หากใช้ในหมู่บ้าน ทีนี้เธอก็เลยขอให้เรานำนกหวีดเบลูก้ากลับมาให้เธอหน่อย ภารกิจนี้เราจะต้องเล่นเกมจับคู่ไพ่ให้ชนะชายที่ชื่อว่าจูแนคยืนอยู่ทางด้านขวาบน พร้อมกับปลดล็อคเกมจับคู่ไพ่ ก่อนที่จะเริ่มเล่นเราต้องลงเงินพนันกันหน่อย โดยเงินที่ใช้ในหมู่บ้านนี้จะเป็นเหรียญเบี้ย พอเราเล่นชนะมาได้แล้วเราก็จะได้รับนกหวีดเบลูก้ากลับคืนมา ก็ไปมอบให้กับดาฟเน่ แต่เธอก็จะมอบมันให้กับเราแทน ทีนี้ในระหว่างที่เราอยู่ในหมู่บ้าน เราสามารถกดใช้นกหวีดเพื่อเรียกวาฬเบลูก้าให้มาหาเราได้ เมื่อขี่มันจะช่วยทำให้เดินทางในหมู่บ้านได้ไวขึ้นมา เพียงแต่ในการเรียกวาฬเบลูก้าแต่ละครั้งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเหรียญเบี้ยเล็กน้อย

แรงบันดาลใจของไมเคิล แบง (Michael Bang’s Inspiration)

ภารกิจนี้จะปรากฏขึ้นมาในคืนแรกของบทที่ 3 และต้องผ่านภารกิจนักชิมวินเซนท์ และภารกิจของอ็อตโต้จนปลดล็อคระบบฟาร์มปลาแล้ว ในค่ำคืนนี้อ็อตโต้ก็ได้เข้ามาดื่มเบียร์และโวยวายอยู่ภายในร้านเช่นเดิม แต่แล้วก็มีแขกแปลกหน้าเดินเข้ามา

ไมเคิล แบง: ดูเหมือนว่าที่นี่เป็นที่เดียวที่จะหาอะไรกินได้ นี่แหละฉันถึงได้ไม่ชอบพื้นที่ทุรกันดาร ร้านซอมซ่อแบบนี้คงทำซูชิที่สร้างแรงบันดาลใจไม่ได้หรอก ฉันคงต้องกินเพื่ออิ่มท้องก็พอ
บันโช: เอิ่มม ช่างเป็นลูกค้าที่หยาบคายเสียจริง นายต้องการอะไรล่ะ?
ไมเคิล แบง: ขอให้ฉันแนะนำตัวสักหน่อย ฉันคือผู้กำกับหนังชื่อว่า ไมเคิล แบง
บันโช: เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่านายกำกับหนังเรื่อง หุ่นยนต์ซามูไร
ไมเคิล แบง: ฮ่า ดูเหมือนว่าตาของนายจะใช้งานได้อยู่นะ! ใช่แล้ว ฉันเป็นผู้กำกับหนังแอ็กชั่นชั้นเยี่ยม ไมเคิล แบง
เดฟ: (ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะอวยตัวเองแบบนี้)
ไมเคิล แบง: ฉันกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ของฉัน ชื่อว่า เดอะสโตน ในบริเวณนี้อยู่ และดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถถ่ายฉากจบที่ดีได้เลย ฉันคิดว่าฉันอาจพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากอาหารที่ทำให้จิตใจฉันแจ่มใสขึ้น แต่ดูเหมือนว่าที่นี่ก็ไม่น่าทำให้ฉันนึกอะไรดีๆ ออก ฉันจะไปแล้ว
บันโช: เดี๋ยวก่อน! หุ่นยนต์ซามูไรเป็นหนังที่น่าทึ่งมาก ฉันดูซ้ำหลายครั้งและรู้สึกประทับใจทุกครั้ง
เดฟ: (ที่ฉันจำได้ก็มีเพียงแค่พวกฉากระเบิด)
บันโช: หากคุณสามารถสร้างภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นเพราะอาหารของฉัน ฉันก็เต็มใจที่จะทำอาหารให้คุณกิน
ไมเคิล แบง: โอ้ งั้นนายก็เป็นแฟนหนังเรื่องนี้สินะ ฉันรู้สึกขอบคุณนะ แต่นายจะช่วยทำให้ฉันนึกไอเดียได้หรอ ฉันมีมาตรฐานสูงเมื่อเป็นเรื่องของซูชิ ข้าวที่ใช้ในบริเวณนี้คุณภาพแย่มาก
เดฟ: นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงใช้ข้าวที่ดีที่สุดที่เราหาได้ในภูมิภาคนี้
บันโช: ให้เวลาฉัน 3 วัน ฉันจะเตรียมอาหารที่จะทำให้หัวคุณมีแต่แรงบันดาลใจ
ไมเคิล แบง: ก็ได้ฉันจะรออีก 3 วัน อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะเชฟ
จากนั้นไมเคิลก็จะเดินออกจากร้านไป
เดฟ: บันโชนายมีแผนอะไรดีๆ แล้วหรือยัง
บันโช: อืม การทำอาหารเป็นรูปแบบศิลปะ ฉันเข้าใจดีถึงความเจ็บปวดของผู้สร้างภาพยนตร์ ฉันจะเตรียมอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขาเอง แต่ก็นะ อย่างที่เขาพูดนั่นแหละว่าข้าวในพื้นที่นี้มันค่อนข้างแย่ ฉันรู้สึกกังวลเวลาที่ส่วนผสมมีข้อจำกัดเมื่อต้องการทำซูชิที่ดีที่สุด
อ็อตโต้: ฮี่ฮี่ ฉันได้ยินที่พวกนายคุยกันนะ ถ้าเป็นเรื่องของข้าวล่ะก็ ฉันพอจะนึกอะไรออกอยู่บ้าง
เดฟ: โอ้ อ็อตโต้ นายมีไอเดียอะไรดีๆ งั้นหรอ
อ็อตโต้: ฮี่ฮี่ ขอเวลาฉันวันหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าจะติดต่อมานะ
บันโช: อืมม ถ้าพวกเราได้ข้าวที่มีคุณภาพสูงมาล่ะก็ เราสามารถทำซูชิด้วยปลาสามชนิด ปลาวัวไททัน (Titan Triggerfish), ปลาเก๋าโพลินี่ (Harlequin Hind) และ ปลากะรังจุดฟ้า (Coral Trout)
เดฟ: ใช้วัตถุดิบเยอะจัง
บันโช: เขาดูจะชอบแบบที่เล่นใหญ่ อย่าเตรียมวัตถุดิบช้าล่ะ

ทีนี้เรามาดูวัตถุดิบทั้งหมดกันดีกว่าว่าจะหามาได้ยังไงบ้าง
ปลาวัวไททัน (Titan Triggerfish) จะหาได้ที่ความลึกระดับ 0-50 เมตร เป็นปลาที่มีสีเหลืองที่จะจู่โจมเราเข้ามาก่อน

ปลาเก๋าโพลินี่ (Harlequin Hind) จะหาได้ที่ความลึกระดับ 50-130 เมตร และในเรือล่ม เป็นปลาตัวเล็ก ที่มีสีเขียวทั้งตัว

ปลากะรังจุดฟ้า (Coral Trout) จะหาได้ที่ความลึกระดับ 50-130 เมตร เป็นปลาตัวเล็ก ที่มีสีแดงทั้งตัว

ส่วนข้าวขาว (White Rice) จะหาได้จากระบบปลูกผักกับอ็อตโต้
ในตอนเช้าวันต่อมาอ็อตโต้จะโทรมาหา โดยให้เราไปหาเขาที่บริเวณถัดจากฟาร์มปลา เมื่อมาถึงจะพบว่ามันคือพื้นที่เพาะปลูก ตอนนี้จะปลดล็อคระบบฟาร์ม ให้ทำตามที่ระบบฝึกสอนแนะนำเพื่อทำการปลูกข้าวขาว แล้วรออีกประมาณ 2 วันเราก็จะกลับมาเกี่ยวข้าวขาวกันได้เลย ซึ่งมันจะพอดีกับวันที่นัดหมายของไมเคิล แบง

ในคืนวันที่นัดกับไมเคิล แบง
ไมเคิล แบง: วู้ว ที่นี่มันร้อนจริงๆ อาหารเตรียมพร้อมแล้วหรือยังล่ะ บอกมาตามตรงนะฉันจะไม่ดุหรอกถ้ายังไม่พร้อม
บันโช: พร้อมแล้ว อาหารจานนี้จะทำให้นายมีแรงบันดาลใจเหมือนจรวจพุ่งขึ้นฟ้าเลย
ไมเคิล แบง: ฮาฮา ดูเหมือนอาหารจานนี้มันจะระเบิดระเบ้อเลยสินะ เอาล่ะมันก็ดูดี แต่รสชาติจะสมกับราคาคุยหรือเปล่านะ?
บันโช: ลองกินมันดูก่อน
บันโชจะเริ่มทำอาหารพอเสร็จแล้วเดฟจะยกมาเสิร์ฟแล้วจะมีคัทซีนที่ไมเคิล แบงได้ลองกินมัน เป็นภาพระเบิดจริงๆ
ไมเคิล แบง: อ๊ากกกกก! มันกำลังมาแล้ว! ใช่เลย! ช่างเป็นแรงบันดาลใจที่ทรงพลังมาก เติมเต็มจิตวิญญาณของฉันได้ดีเลย ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว ข้าวนี่…มันหาจากแถวนี้ไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ นายเอามันมาได้ยังไง
บันโช: ได้มันมาจากเพื่อนน่ะ ฉันดีใจที่นายชอบ หากนายสร้างภาพยนตร์ที่กินใจคนดูต่อไป นายสามารถมาทานอาหารที่นี่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ไมเคิล แบง: อืมม นายเป็นผู้ชายที่ไม่เลวเลย ฉันชอบสไตล์ของนาย บางทีหนังเรื่องต่อไปของฉันน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับซูชิบาร์ ควรมีภาพผู้ชายถือเครื่องยิงขีปนาวุธอยู่ในมือข้างเดียว
เดฟ: นั่นมัน…หนังประเภทไหนกันเนี่ย?
ไมเคิล แบง: ฮาฮาฮา! ยังไงก็เถอะ ฉันคิดว่าพร้อมแล้ว ขอบคุณนายมาก! นี่คือโปสเตอร์หุ่นยนต์ซามูไรพร้อมด้วยลายเซ็นต์ ถือซะว่าเป็นของขวัญแล้วกัน
บันโช: ให้ตายเถอะ..หุ่นยนต์..ซามูไร..
ไมเคิล แบง: ฮาอาฮา! นายรอดูหนังเรื่องต่อไปได้เลย! รับรองว่าจะต้องน่าตื่นเต้นแน่นอน!

ค้นหาลูกบอลให้เด็กๆ (Find the Children’s Ball)

ในวันที่ 2 ที่เรามาที่หมู่บ้านชาวทะเล เมื่อว่ายไปบริเวณกลางหมู่บ้านเราจะพบกับกลุ่มเด็ก พวกเด็กๆ ก็จะเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้กำลังเล่นบอลกันอยู่ที่นอกหมู่บ้าน แต่ปลาฉลามเมกาเมาท์มันก็โผล่ออกมา แล้วกินลูกบอลเข้าไป พวกเด็กๆ ก็เลยขอร้องให้เราไปตามเก็บลูกบอลนั่นมาให้หน่อย

ทีนี้ให้เราออกไปข้างนอกผ่านทางประตูหมู่บ้านทางซ้ายสุด เมื่อออกมาแล้วให้ว่ายสำรวจแถวๆ นี้ได้เลยโดยความลึกตั้งแต่ 200 เมตรลงไป เราจะได้เจอกับปลาฉลามเมกาเมาท์ ฆ่ามันให้ได้แล้วเข้าไปแล่เนื้อที่ตัวมันเราก็จะได้ลูกบอลที่เด็กๆ ตามหามาแล้ว ทีนี้ก็ให้กลับไปหาเด็กๆ เพื่อมอบลูกบอลให้เป็นอันเสร็จภารกิจ

ชาวทะเลในโรงตีเหล็ก (Sea Person at the Workshop)
ในวันที่ 2 ที่เรามาที่หมู่บ้านชาวทะเล ให้เราว่ายไปยังทางฝั่งขวาของหมู่บ้าน จะมีบ้านหลังหนึ่งที่มีเครื่องหมาย ! ข้างบ้านจะมีเตาหลอมและอุปกรณ์ตีเหล็ก เมื่อเข้าไปภายในบ้านจะรู้ว่านี่คือบ้านของช่างตีเหล็ก ให้คุยกับชายที่อยู่ข้างในเขาชื่อว่าดูวา เมื่อเดฟเข้าไปพูดคุยด้วย ดูวาจะมีอาการไอ เดฟก็เลยเป็นห่วงแล้วถามว่าต้องการโจ๊กปะการังมั้ย ดูวาก็ตกใจที่เห็นว่ามนุษย์ก็ทำอาหารชาวทะเลเป็น เดฟก็บอกว่าเขาเคยทำให้ราโมกินมาแล้ว แต่ดูวาก็บอกว่าโกหก มนุษย์นี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ เดฟก็เลยตัดสินใจที่จะนำโจ๊กปะการังมาให้ดูวากินเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก ภารกิจนี้ก็ให้เราไปเก็บ ปะการังขนนก (Feather Coral) และปะการังลิลลี่ (Lily Coral) อย่างละ 2 ชิ้น แล้วนำไปให้บันโชทำเหมือนเดิม แล้วค่อยกลับมาหาดูวา เพื่อมอบโจ๊กให้เป็นอันจบภารกิจ

สัตว์เลี้ยงปลาหมึกเซลจิโอ (Pet Squid Selgio)

ภารกิจนี้เราจะทำได้ต้องผ่านภารกิจที่ได้แข่งม้าน้ำมาก่อนแล้ว ในวันถัดมาหากเรามาที่ร้านเล่นเกมนี้อีก ลินเฉินก็มีเรื่องขอร้องเรา สัตว์เลี้ยงของเธอที่ชื่อว่าเซลจิโอได้หายตัวไป มันเป็นปลาหมึกตัวเล็กสีม่วง ดูเหมือนก่อนที่จะหายตัวไปมันได้ว่ายตาม แมงกะพรุนเรืองแสง (Shining Jellyfish) ก็เลยวานให้เราตามหามันให้หน่อย เพียงแต่มันจะขี้อาย จะต้องใช้ อาหารเป็นเหยื่อล่อเธอก็ได้มอบอาหารที่เหยื่อล่อมาให้กับเราด้วย

ทีนี้ให้เราออกไปข้างนอกผ่านทางประตูหมู่บ้านทางซ้ายสุด เมื่อออกมาแล้วให้ว่ายไปทางซ้ายเรื่อยๆ เราจะได้เจอกับแมงกะพรุนเรือนแสง ก็ให้เราว่ายตามมันไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่เราเหมือนจะมองเห็นว่ามันมีรูเล็กๆ อยู่ ก็ให้เรากดใช้ไฟฉายที่อยู่ตรงนั้น แล้วขยับกล้องส่องไฟฉายหาปลาหมึกให้เจอ เมื่อส่องเจอมันประมาณ 3 ครั้ง ทีนี้เดฟก็จะคิดว่าควรจะวางอาหารเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้มันออกมาดีกว่า ทีนี้ก็ให้เรากดวางอาหารที่อยู่ด้านข้างได้เลย แล้วปลาหมึกตัวน้อยก็จะว่ายออกมากินอาหาร ให้เราเข้าไปจับตัวมันแล้วเอากลับไปมอบให้กับลินเฉิน เธอจะขอบคุณเราพร้อมกับมอบภาพวาดของเซจิโอมาให้ด้วย ซึ่งภาพวาดนี้เราสามารถนำไปตกแต่งที่ร้านซูชิได้ เป็นอันจบภารกิจ

แผ่นเสียงเพลงแต่งงาน (Wedding Song Record)

ในวันที่ 2 ที่เรามาที่หมู่บ้านชาวทะเล หากเราเข้าประตูวาร์ปใหญ่แล้วว่ายมาทางฝั่งขวา จะเห็นหอแห่งหนึ่งที่มีเครื่องหมาย ! เมื่อเข้าไปเราจะได้รู้ว่ามันคือศาลเจ้าราชาลอง ให้คุยกับนีอาโมเธอจะมีเรื่องไหว้วานให้กับเรา เนื่องด้วยในเร็วๆ นี้จะมีงานแต่งเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน แต่แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ กระดานชนวนหิน มันแตก และกระดานหินนี้จะต้องใช้ในพิธีแต่งงานด้วย แต่โชคดีที่สมัยก่อนพวกเราได้ทิ้งมันเอาไว้บ้างในบริเวณแถบทะเลของมนุษย์ เดฟก็คิดได้ว่านั่นน่าจะหมายถึงห้องบันทึกของชาวทะเล นีอาโมก็ได้ขอร้องให้เราไปหากระดานชนวนหินอีกอันมาให้หน่อย อันนี้ก็ไม่ยากเลยเพียงแค่เรากลับไปที่ห้องบันทึกของชาวทะเลที่ความลึกแถว 100 เมตร ภายในนั้นห้องเราก็จะได้เจอกระดานหินที่เราตามหา พอเก็บได้ก็ให้กลับมาหานีอาโมอีกครั้ง เธอจะขอบคุณเราและชวนให้เราไปดูงานแต่งด้วย ในระหว่างพิธีจะเกิดแผ่นดินไหว ทำให้แขนของรูปปั้นราชาลองหลุดลงมา

ซ่อมแซมรูปปั้นราชาลอง (Repair Kinglong’s Statue)

เมื่อจบพิธีแต่งงานก็ให้คุยกับนีอาโม เพื่อช่วยเหลือในการซ่อมแซมรูปปั้น เดฟก็จะคิดได้ว่าอาจจะขอความช่วยเหลือจากคอบร้าในเรื่องนี้ได้ ก็ให้เรากลับขึ้นไปบนเรือแล้วคุยกับคอบร้า เขาก็จะคิดเกี่ยวกับกาวติดหินที่สามารถใช้ในทะเลได้ ซึ่งเขามีมันอยู่พอดี เมื่อได้รับมาแล้วก็ให้กลับไปที่หมู่บ้านชาวทะเลอีกครั้ง แล้วให้ไปที่รูปปั้นเพื่อทำการซ่อมแซมก็เป็นอันเสร็จภารกิจ

เด็กขี้สงสัย (Curious Child)

ภารกิจนี้จะทำได้หลังจากผ่านภารกิจที่ช่วยเก็บลูกบอลให้เด็กและซ่อมแซมรูปปั้นราชาลองเสร็จแล้ว ให้ไปที่บริเวณกลางหมู่บ้านเลยจากรูปปั้นไปทางขวา จะพบกับกลุ่มเด็ก พวกเขาจะบอกว่ามาโรได้หายตัวไป ก่อนหน้านี้มาโรได้ไปที่ ทะเลสาบใต้น้ำ (Underwater Lake) มันเป็นที่ที่สวยงามมาก แต่เท็นซินก็ได้เตือนพวกเขาแล้วว่าอย่าไปที่นั่นเพราะมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวอยู่ แถมมาโรยังบอกด้วยว่าที่นั่นมีรอยแตกที่พวกเขาพอจะแทรกตัวเข้าไปได้อยู่ แต่พวกเขาก็กลัวเลยไม่กล้าไป แต่มาโรน่าจะไปที่นั่นคนเดียว เดฟก็เลยถามว่ามันอยู่ที่ไหน พวกเด็กๆ ก็บอกว่ามันเป็นประตูปิดเอาไว้อยู่ ไม่มีใครเข้าไปได้ แต่แถวๆ นั้นจะมีป้ายบอกทางติดเอาไว้ เดฟก็เลยตกลงจะไปช่วยมาโร

ทีนี้ก็ให้เราว่ายออกไปที่ทางเข้าของหมู่บ้าน แล้วไปตามทางเรื่อยๆ ให้สังเกตุที่พื้น จะเห็นป้ายบอกทางก็ให้เราว่ายไปตามทางที่ลูกศรป้ายบอกเอาไว้ จนได้เจอเข้ากับถ้ำแห่งหนึ่งที่มีหินปิดทับเอาไว้อยู่ เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ให้เราว่ายลงไปเล็กน้อยจะเจอกับกล่องสีเหลืองเมื่อเปิดมันจะได้รับ Pickaxe มาใช้งาน ก็จะเลือกสับเปลี่ยนมาใช้ได้เลย แล้วว่ายขึ้นไปที่ถ้ำเดิม ทีนี้ให้เรากดใช้งาน Pickaxe จะทำให้หินที่ปิดทับทาง มันหล่นแล้วเปิดทางให้เราสามารถเข้าไปด้านในได้

เมื่อเข้าไปข้างในแล้วก็ให้สำรวจไปจนสุดทางเราจะเจอเข้ากับมาโรกำลังจะถูกทำร้ายจาก ปลาฉลามก็อบลิน ทีนี้ก็ให้เราต่อสู้กับมัน เอาชนะให้ได้ จากนั้นก็แร่เนื้อปลาตัวนี้ 2 ครั้ง แล้วคุยกับมาโร ทีนี้ก็จะกลับมาที่หมู่บ้าน เป็นอันเสร็จภารกิจ

เปิดโรงตีเหล็กอีกครั้ง (Reopening the Workshop)

ภารกิจนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อผ่านภารกิจที่นำโจ๊กมาให้ดูวาได้กินไปแล้ว ในวันต่อมาให้เราไปที่โรงตีเหล็กแล้วคุยกับดูวา เขาก็จะขอบคุณเราที่นำโจ๊กมาให้กินตอนนี้เขาเลยหายป่วยแล้ว กำลังจะกลับมาเปิดโรงตีเหล็ก แต่ก็มีเรื่องที่ให้เราอยากช่วยอยู่หน่อยนั่นก็คือเขาอยากได้แร่ที่ชื่อว่า โอปอล (Opal) จำนวน 5 ชิ้น  (หากใครมีอยู่แล้วก็ให้คุยกับดูวาได้เลย) โดยเราสามารถหามันได้จากทะเลข้างนอก แถวๆ ที่เราเคยเอาโจ๊กไปให้ราโมกินนั่นแหละ ให้ลองค้นหาดูมันจะเป็นแร่ที่มีหลายสี เมื่อเราได้ครบแล้วก็นำมันมามอบให้กับดูวา

คราวนี้เขาจะมีเรื่องให้ช่วยอีกเล็กน้อย เขาจำเป็นต้องใช้ผลไม้จากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำมาหลอมแร่ แต่ความร้อนจากผลไม้ได้ระบายออกไปเพราะเขาปล่อยมันทิ้งไว้นานเกิน ตอนนี้เขาต้องไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาผลไม้ แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยไม่อยากไปคนเดียว เดฟก็เลยบอกว่าต้นไม้ที่อยู่หลังหมู่บ้านใช่มั้ย งั้นก็ไม่มีปัญหาต้องการให้เขาทำอะไรบ้างล่ะ ดูวาก็ตกใจที่เดฟยอมช่วย

ทีนี้เรากับดูวาก็มาที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ภารกิจก็คือให้เราว่ายขึ้นไปหยิบผลไม้แล้วนำมาใส่ในตะกร้าที่อยู่บนหลังดูวา ทำให้ครบ 5 ครั้งก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นจะกลับมาที่โรงตีเหล็กดูวาก็บอกว่าเขาจะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเปิดโรงตีเหล็ก ให้เรารออีกสักหน่อย (ระบบโรงตีเหล็กจะเปิดในบทที่ 6)

เวลาอ่านหนังสือของคาชิน (Kazhin’s Reading Time)

ภารกิจนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อเคยทำภารกิจไหว้วานจากคาซินที่ให้นำดอกไม้ไปไหว้รูปปั้นราชาลอง คราวนี้ คาซินจะอยากอ่านหนังสือเลยรบกวนให้เราช่วยไปยืมจากนีอาโมมาให้หน่อย ก็ให้ใช้ประตูวาร์ปเพื่อไปยังส่วนบนของหมู่บ้าน แล้วเข้าไปที่หอทางฝั่งขวาแล้วคุยกับนีอาโม เดฟจำชื่อหนังสือไม่ได้ นีอาโมก็เลยคิดว่าน่าจะเป็น 1 ใน 3 เล่มนี้ ตรงนี้ให้เราเลือกหนังสือที่อยู่ทางด้านขวา (เล่มที่มีรูปภาพราชากำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอยู่บนปก) จากนั้นกลับไปหาคาซิน เขาก็จะขอบคุณเราแล้วมอบเมล็ดพันธุ์สาหร่ายมาให้ด้วย แต่เดฟบอกว่าเขาไม่น่าจะปลูกมันบนบกได้ คาซินก็เลยบอกว่าแบบนั้นให้ลองไปคุยกับ กูโม (Gumo) ถ้าหากโชคดีกูโมน่าจะช่วยปลูกมันได้

ปลูกพืชชาวทะเล (Grow Sea People Plants)

ให้เรากลับออกมาจากบ้านของคาซิน แล้วว่ายไปทางฝั่งขวาของหมู่บ้านเลยผ่านโรงตีเหล็กมานิดหน่อย เราจะได้เจอกับกูโม เขาบอกว่าหากต้องการให้ช่วยปลูกเมล็ดนี่ ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ดูก่อน โดยนำอาหารที่ทำจากสาหร่ายทะเลมาให้เขากิน ทีนี้ก็ให้เรากลับขึ้นไปบนบกแล้วไปหาบันโช บันโชจะให้เราไปเตรียมวัตถุดิบมา โดยจะมี สาหร่ายทะเล (Seaweed), เม่นทะเลสีม่วง (Purple Sea Urchin) และข้าวขาว (White Rice)

สำหรับสาหร่ายทะเลเราหาได้ในระดับความลึก 0-130 เมตร

เม่นทะเลสีม่วงจะหาได้ในความลึกระดับ 0-50 เมตร

ส่วนข้าวขาวก็ให้ไปปลูกกับอ็อตโต้นั่นเอง หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบพร้อมแล้ว ก็ให้กลับไปคุยกับบันโชอีกครั้งเขาจะทำ ข้าวสาหร่ายเม่นทะเล (Sea Urchin Seaweed Rice) มาให้กับเรา ทีนี้ก็นำมามอบให้กับกูโม ก็จะมีฉากคัทซีนการกินของกูโม แล้วเขาจะยอมช่วยเหลือเราในเรื่องฟาร์มสาหร่ายทะเล 

ทีนี้ก็ให้รอเวลาอีกหนึ่งวันมาคุยกับกูโมจะเป็นการปลดล็อคระบบการเพาะปลูกในทะเล โดยเราสามารถหาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการปลูกได้กับคาซิน

หากเราสามารถสร้างความเชื่อใจแก่ชาวทะเลได้จนครบ 100 แต้มแล้ว ให้เราไปที่บ้านของเท็นซินคุยกับเขา เนื่องด้วยชาวทะเลเริ่มเชื่อใจเราบ้างแล้ว เขาก็เลยจะบอกความลับบางอย่างของหมู่บ้านแห่งนี้ให้ฟัง
เท็นซิน: นายเห็นต้นไม้ที่อยู่กลางหมู่บ้านหรือเปล่า
เดฟ: เห็นสิ มันใหญ่และอยู่ภายในน้ำแข็ง
เท็นซิน: พวกเราเรียกมันว่า ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พวกเราใช้ผลไม้ของมันเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน ต้นไม้ฝังรากอยู่ลึกลงไปมากโดยใช้ความร้อนใต้พิภพเพื่อสร้างพลังงาน เพราะแบบนั้นผลไม้จึงเกิดจากพลังงานนี้ ที่ข้างใต้ต้นไม้มันมีธารน้ำแข็งขนาดยักษ์อยู่ ซึ่งก็คือใต้หมู่บ้านของเรา
เดฟ: ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่อยู่ใต้ทะเล ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
เท็นซิน: แต่ระยะหลังนี้ความร้อนที่มาจากใต้ดินยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำแข็งค่อยๆ ละลาย เมื่ออุณหภูมิของต้นไม้สูงขึ้น ชาวบ้านก็ล้มป่วยกันมากขึ้น เราภาวนาต่อราชาลอง แต่..แต่เราก็รู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น พวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบธารน้ำแข็ง แต่เราพึ่งพาแต่เกษตรกรรมมาเป็นเวลานาน เราจึงไม่มีอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่จะสำรวจในพื้นที่นั้นได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
ราโม: นั่นแหละคือเหตุผลที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ เหมือนที่ฉันบอก
เท็นซิน: พ่อต้องยอมรับว่าตอนนี้เป็นทางเลือกเดียวของเราแล้วล่ะลูก ถึงแม้แบบนั้น ฉันรู้ว่ามันเป็นงานที่ยาก แต่นายช่วยไปตรวจสอบพื้นที่ธารน้ำแข็งด้านล่างหมู่บ้านให้เราหน่อยไหม?
เดฟ: เอ่อ มันฟังดูอันตราย แต่ฉันจะไป ที่พื้นดินด้านบนก็เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน ฉันคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันนะ
เท็นซิน: ขอบคุณมาก พวกเราจะตอบแทนนายอย่างแน่นอน ตอนนี้นายจะต้องใช้กุญแจเพื่อเข้าไปยังช่องธารน้ำแข็ง กุญแจ…กุญแจมันอยู่ที่ไหนนะ?
ซูวอน: เท็นซิน…ในตอนที่เราปิดผนึกช่องธารน้ำแข็ง เราเอากุญแจไปทิ้งไว้ในถ้ำร้าง จำไม่ได้หรอ
เท็นซิน: โอ้จริงด้วย นายพูดถูก
เดฟ: ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ อีกแล้ว
เท็นซิน: มนุษย์ นายต้องไปเอากุญแจที่ถ้ำร้าง เพื่อไปยังช่องธารน้ำแข็ง ซูวอนจะพานายไปที่นั่นเอง
เดฟ: มันไม่อันตรายใช่มั้ย?
เท็นซิน: ฮาฮา ที่นั่นไม่มีอะไรเกิดขึ้นมานานกว่าศตวรรษแล้ว (ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นเป็นเวลา 100 ปีแล้ว) ยังไงก็ตาม..เราต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นในเขตธารน้ำแข็งก่อนที่จะสายเกินไป แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว ดังนั้นกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นก็แล้วกัน ซูวอนจะเป็นคนนำทาง

ในค่ำคืนนั้นเอง ตอนที่ดัฟฟ์ได้เข้านอน เขาจะหลับฝันว่าตัวเองปรากฏตัวในคอนเสิร์ตป๊อปที่ตัวละครจากอนิเมะเรื่อง Stra Stella กำลังร้องเพลง Shooting Star อยู่ เราจะได้เล่นมินิเกมเล็กน้อยก็ให้ทำตามที่ระบบฝึกสอนบอกไว้ หลังจากนั้น มินิเกม Leahs RUN! และ Dream Live จะถูกปลดล็อกในมือถือของเรา สามารถเข้าไปเล่นมินิเกมได้ในเช้าวันต่อมาก็จะเข้าสู่บทที่ 4 ถ้ำร้าง ตามต่อกันได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลย

Chapter 4: Abandoned Cave



Share:

Facebook
X
Flex-Ad-Side-Bar.png
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.