บทสรุป Throne – Chapter 4

โทรเน่ได้กลับมาที่เมือง New Delsta อีกครั้ง เพื่อความหวังในการค้นหากุญแจปลดล็อคปลอกคอ อย่างไรก็ตามตอนนี้โทรเน่ก็อยากจะกลับไปดูที่รังว่าเป็นยังไงบ้าง หลังจากที่ไม่มีครอบครัวแล้ว แต่ขณะนั้นโทรเน่ก็ได้กลิ่นควันที่คุ้นเคย ซึ่งมันคือกลิ่นควันของปิโร่ เขาน่าจะถูกฝังอยู่ในสุสาน เดินไปด้านซ้ายจะเจอกับสุสานของอสรพิษทมิฬ
สุสานของกลุ่มอสรพิษทมิฬ
สำหรับอสรพิษ ความตายคือเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดของเรา
เมื่อเราล้มลง เราก็ถูกฝังไว้ที่นี่
ผู้คนบอกว่านี่เป็นความคิดของแม่แต่ฉันก็มีข้อสงสัย
ไม่มีใครที่จะโศกเศร้ากับความตายของเรา
ความเมตตาเช่นนี้ต่อพวกเรามันช่างไร้ค่า
ถึงกระนั้น เราก็ยังยอมรับมัน

ที่ด้านในของสุสานมีชาย 2 คนจากอสรพิษทมิฬยืนคุยกันอยู่ ตอนนี้อสรพิษทมิฬสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ พวกเขาหวังว่าพ่อกับแม่จะรีบกลับมาที่รังโดยเร็ว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พวกเราต้องรีบหาตัวผู้สืบทอด เพราะมีคนกล่าวเอาไว้ อสรพิษมักจะรู้ว่าตัวเองกำลังใกล้จะตายแล้ว ถ้าหากไม่มีพ่อกับแม่อยู่ คงถึงคราวที่กลุ่มต้องล่มสลาย แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ชายอีกคนหนึ่งหวังจะยึดครองกลุ่มเอาไว้เอง ก็เลยลงมือฆ่าชายที่อยู่ข้างๆ แล้วบอกว่าเขาจะกลายเป็นพ่อของกลุ่มนี้เอง หลังจากที่โทรเน่สังเกตุการณ์เสร็จ ก็เลยเข้าไปจัดการทุบให้ชายคนนั้นสลบไป เธอก็เดินเข้าไปที่หลุมศพของปิโร่และเล่าเรื่องราวที่เธอได้ทำให้ปิโร่ฟัง ในระหว่างที่เล่าอยู่เธอก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างเหมือนถูกแกะสลักไว้ มันเขียนเอาไว้ว่า “ฉันรออยู่ที่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด”

หลังจากอ่านจบเธอก็รู้สงสัยว่าทำไมคำพวกนี้ถูกแกะสลักเอาไว้ที่หลุมศพของปิโร่ ใครเป็นคนทำ และทำเพื่ออะไร โทรเน่ก็ได้นึกย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด มันคือช่วงเวลาที่หลบหนีอยู่ในทางท่อระบายน้ำใต้ดิน และประตูที่ควรจะเปิดรออยู่มันกลับปิด ทำให้เธอได้คิดต่อไปอีกว่า ทำไมประตูมันถึงล็อคอยู่ แม้มันอาจจะเป็นฝีมือศัตรู เพื่อปิดทางหนีก็ตาม แต่ก็ยังมีเส้นทางหลบหนีอีกมากมายนับไม่ถ้วน พวกมันไม่น่าเดาได้ทั้งหมด อันที่จริงพวกมันซุ่มโจมตีเราที่ทางหลบหนีอื่นอีกด้วย แต่ถ้าการหยุดเราไม่ใช่เป้าหมายของพวกมันแล้วล่ะก็ ทำไมประตูนั่นมันต้องถูกล็อค มีอะไรอยู่ข้างหลังประตูนั่น หรือว่าบางทีกุญแจของพ่อและแม่…

ทีนี้ให้เราเดินลงไปยังท่อระบายน้ำที่อยู่ทางขวามือ แล้วไปยังประตูที่ถูกล็อคอยู่ในตอนเริ่มเรื่องของโทรเน่ เมื่อไปถึงโทรเน่ใช้กุญแจที่ได้มาจากพ่อและแม่ไขปลดล็อคมันได้ เดินไปต่อก็จะออกมาข้างนอกแล้วพบว่ามันคือหุบเขา หลังจากเดินสำรวจจนได้พบกับชายชราที่ยืนเฝ้ากระเช้าลอยฟ้าอยู่ ชายชราก็ได้กล่าวต้อนรับ โทรเน่จึงถามว่าเขาเป็นใคร ชายชราก็ตอบว่าเขาเป็นแค่ผู้นำทางและบอกว่า กระเช้าลอยฟ้าแห่งนี้เป็นของเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อน เธออยากจะลองนั่งมันไหมล่ะสาวน้อย โทรเน่เลยถามว่ามันจะพาไปที่ไหน ผู้นำทางก็ตอบว่าไปยังบ้าน โทรเน่ก็เลยถามว่า บ้าน นี่มันหมายความว่ายังไง ผู้นำทางก็บอก ทุกคนมีสถานที่ที่ให้กลับไป แม้ว่าไม่มีใครมีอิสระในการตัดสินใจว่าสถานที่นั้นคือที่ไหนก็ตาม ถ้าเธอต้องการ ฉันพาเธอไปที่นั่นได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋ว

ให้คุยกับผู้นำทางเพื่อใช้กระเช้าลอยฟ้าไปยังอีกฝั่ง ในระหว่างทางผู้นำทางก็เล่าให้ฟังว่า กระเช้าลอยฟ้านี้สร้างมานานแล้ว ชาวบ้านใช้เดินทางเพื่อไปยังเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง มันเล็กจนแม้กระทั่งไม่อยู่บนแผนที่ด้วยซ้ำ สมัยนั้นไม่มีคนนั่งกระเช้ามากนัก แต่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังเหมือนกัน โทรเน่เลยถามว่ามันคือเรื่องอะไรหรอ

ตอนนี้เหตุการณ์จะถูกย้อนอดีต มารีเอตต้าก็ได้มาที่นี่และถามคำถามเดียวกันกับโทรเน่ 
มารีเอตต้า: มันคือเรื่องอะไรหรอ ฉันอยากรู้ว่าคุณบอกอะไรกับผู้โดยสารคนอื่นๆ
ผู้นำทาง: คุณช่างใจดีที่อยากฟังนิทานของชายชรา
มารีเอตต้า: ฉันน่ะไม่ได้ใจดีหรอก แต่ฉันคิดว่าการฟังเรื่องราวของคุณจะช่วยทำให้ฉันสงบสติอารมณ์ได้
ผู้นำทาง: กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนอันห่างไกล มีชายและหญิงคู่หนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันและตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้ง แต่ทั้ง 2 คนนั้นต่างก็เป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงของอาณาจักรที่เป็นศัตรูกัน และไม่นานสงครามก็เกิดขึ้นเพราะความรักของพวกเขา มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตในสงครามอันน่าสยดสยองนั้น
มารีเอตต้า: แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชายและเจ้าหญิงล่ะ
ผู้นำทาง: พวกเขาหลบหนีออกไป โดยทิ้งบ้านเรือนไว้เบื้องหลัง และพาผู้ติดตามที่ภักดีไปด้วยเพียงไม่กี่คน เจ้าหญิงไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเธอตั้งครรภ์

ตอนนี้ฉากจะตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
โทรเน่: ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้า มันจบแค่นั้นใช่มั้ย?
ผู้นำทาง: ไม่ ไม่ ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง พวกเขาสร้างบ้านใหม่ที่นั่น พร้อมกับผู้ติดตามของพวกเขา พวกเขาเรียกมันว่า ลอสซีด

จากนั้นกระเช้าก็ได้มาถึงปลายทาง
ผู้นำทาง: พวกเรามาถึงแล้ว ฉันมาส่งได้แค่นี้ ฉันมั่นใจว่าคุณจะพบกับสิ่งที่คุณตามหาอยู่ข้างหน้านี้
โทรเน่: ขอบคุณ ฉันคิดออกแล้วว่าคุณทำให้ฉันนึกถึงใคร เขาทำงานเป็นผู้คุ้มกันอยู่ที่สวนของแม่
ผู้นำทาง: ฮึ่มม บอกไม่ได้ว่าฉันรู้จักใครแบบนั้นเลย บางทีเราอาจมีญาติห่างๆ ร่วมกัน เป็นสาเหตุที่ทำให้เราหน้าตาคล้ายกันมาก หากเรามองย้อนกลับไปไกลพอ เราทุกคนก็เป็นลูกของคนคนเดียวกัน คิดว่าใช่มั้ยล่ะสาวน้อย
โทรเน่: …

ให้เดินเข้าไปสำรวจภายในเมืองลอสซีด เมืองนี้มีสภาพเป็นเหมือนเมืองโบราณร้าง มีคนอาศัยอยู่แค่ไม่กี่คน จากนั้นโทรเน่ก็ได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้ เธอก็สงสัยว่าทำไมเด็กมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ จึงต้องการออกไปดูด้วยตาตัวเอง ให้เดินสำรวจเมืองนี้และเดินไปทางซ้ายจนสุดทาง โทรเน่ก็จะได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้ขอร้องให้โทรเน่ฆ่าลูกของเธอที แล้วก็หมดสติไป โทรเน่คิดว่าลูกที่เธอหมายถึง น่าจะเป็นเด็กทารกที่ส่งเสียงร้องไห้อยู่ และเสียงนั้นดังออกมาจากปราสาทข้างในเมือง 

ให้เดินสำรวจข้างในปราสาทจนสุดท้ายชั้นบนก็จะพบกับชายคนหนึ่งยืนอยู่และมีเด็กทารกอยู่ในอ้อมกอด
???: ในที่สุดเธอก็มาถึงที่นี่ ฉันหวังว่าจะได้เจอกับเธอ โทรเน่
โทรเน่: …! ปิโร่..!? เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ได้ยังไง
???: ฮ่าฮ่า ฉันคิดว่าอาจจะมีความคล้ายคลึงกันบ้าง 
ชายลึกลับได้หันไปดูที่เด็กในอ้อมกอด
???: ในที่สุดเขาก็ร้องไห้จนหลับไป ดีมากเด็กน้อย เขาดูน่ารักมั้ย?
โทรเน่: นายเป็นใครกัน นายดูเหมือนกับปิโร่ แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ต่างกัน
???: ถ้าพูดถึงแล้ว ฉันไม่ใช่ปิโร่ ฉันชื่อว่าคล็อด เป็นพ่อของเขาน่ะ ฉันคือคนที่สลักคำลงบนหลุมศพของเขา เธอคือคนที่เก่งที่สุดจริงๆ ที่มาได้ไกลถึงขนาดนี้
โทรเน่: …
คล็อด: เพราะงั้นบอกฉันมาว่า เธอต้องการอะไรโทรเน่
โทรเน่: อิสระภาพ ฉันมาที่นี่เพื่อเอาอิสระภาพของฉันคืนมาจากอสรพิษทมิฬ
คล็อด: อ่า เป็นคำตอบที่ดี ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ฉันจะไม่พูดถึง ฉันมีชีวิตอยู่มานาน นามมากแล้ว แต่ชีวิตนิรันดร์ก็มากเกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะรับมือได้ ฉันจึงตัดสินใจว่าฉันจะตาย แต่ก่อนหน้านั้นฉันอยากจะทิ้งมรดกไว้บนโลกนี้ นั่นก็คือลูก เด็กๆ น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ พวกเขาเป็นเหมือนตัวตนอีกคนหนึ่ง พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ในโลกที่พ่อแม่ของพวกเขาทิ้งไว้ ฉันต้องการให้มรดกของฉันยิ่งใหญ่ ฉันต้องการให้ลูกของฉันเป็นคนดีที่สุด โชคดีที่เวลาอยู่เคียงข้างฉัน ฉันจึงทำให้ผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งครรภ์ และมีลูกมากมายนับไม่ถ้วน ฉันคิดว่าเธออาจจะเคยพบเห็นมาบ้างแล้ว
โทรเน่: อะไรนะ..?
คล็อด: ปิโร่, สการัชชี่, ดอนนี่, แม่, พ่อ, อสรพิษทมิฬ และเธอ โทรเน่
โทรเน่: โกหก
คล็อด: พวกเธอทุกคนคือลูกของฉัน แม่ของเธอเป็นคนที่วิเศษมาก เธอควรจะรู้สึกภูมิใจ
โทรเน่: …
คล็อด: หลังจากที่ฉันปลูกเมล็ดพันธุ์แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะปล่อยให้สวนเติบโต และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่จะตัดแต่งกิ่ง แต่ไม่ใช่ด้วยมือของฉันเอง ฉันปล่อยให้สวนดูแลตัวมันเอง และตัดส่วนที่ไม่แข็งแรงพอออกไป ฉันได้สร้างอสรพิษทมิฬให้เป็นดั่งสวนที่ว่า
โทรเน่: ไม่นะ…
คล็อด: โทรเน่ เธอฆ่าปิโร่ เธอฆ่าแม่และพ่อ จากนั้นก็มาที่นี่
โทรเน่: ม..ไม่…ไม่!
คล็อด: ความจริงที่เธอรอดชีวิตมาได้ มันก็พิสูจน์แล้วว่าเธอนั้นเก่งที่สุด การเดินทางของเธอก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนั้น เมล็ดพันธุ์น้อยของฉัน
โทรเน่: อ๊ากกกกกก
คล็อด: บอกหน่อยว่า รู้สึกสนุกมั้ย ลูกสาวของฉัน การต่อสู้นี้ได้ดำเนินมาหลายชั่วรุ่นแล้ว เธอเป็นลูกคนที่สี่ของฉันที่มาได้ไกลขนาดนี้ ส่วนอีกสามคนก็เสียชีวิตที่นี่ด้วยมือของฉัน
โทรเน่: ฮ่าา ฮ่าาา งั้นแก แกเป็นพ่อของฉัน
คล็อด: มาสิ โทรเน่ มันถึงเวลาของบททดสอบสุดท้ายแล้ว มาดูกันว่าเธอจะสามารถฆ่าพ่อที่แท้จริงของเธอได้หรือไม่
โทรเน่ที่กำลังสับสนกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ชักมีดออกมาแล้วเข้าต่อสู้กับคล็อดพ่อที่แท้จริงของเธอ

เมื่อเอาชนะคล็อดได้แล้ว
คล็อด: ในที่สุด..ในที่สุด…ฉันรู้สึกสมหวังแล้ว โทรเน่ เธอคือผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน
โทรเน่: คำพูดของแกมัน ไม่มีความหมายสำหรับฉัน
คล็อด: กุญแจสำหรับไขปลอดคอของเธอ มันอยู่ในกระเป๋าฉัน มาเอามันไปสิ
ตอนนี้โทรเน่จะเข้าไปขโมยเอา กุญแจสู่อิสระภาพ มาจากคล็อด
คล็อด: โทรเน่ เธอรู้มั้ยว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถขโมยไปได้ แม้แต่โจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่สามารถเอาไปได้ มันไม่สามารถถูกขโมยไปได้ เธอคิดว่ามันคืออะไรล่ะ ฉันอยากได้ยินคำตอบจากเธอ
โทรเน่: ..รุ่งอรุณ มันเอาไปได้ แต่ขโมยไม่ได้
คล็อด: ฮาฮา สมกับเป็นลูกสาวของเธอจริงๆ
จากนั้นคล็อดก็ได้สิ้นใจ และเด็กก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
โทรเน่: นายรู้สึกเศร้ามั้ย บางทีนายควรจะรู้สึกแบบนั้น พ่อของนายเสียชีวิตแล้ว พ่อของฉันเสียชีวิตแล้ว
จากนั้นโทรเน่ก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขปลอกคอแต่มันกลับไขไม่ออกอยู่ดี จากนั้นเธอก็นึกย้อนไปในอดีตที่เคยเจอมา

ฉากตัดมายังอดีตที่โบสถ์ร้าง คล็อดที่อุ้มเด็กทารกอยู่ในอ้อมกอดโดยมีมารีเอตต้ายืนอยู่ข้างๆ
มารีเอตต้า: โทรเน่..เธอยิ้ม แต่เธอก็ดูเศร้าอยู่บ้าง
คล็อด: เหมือนแม่เหมือนลูก มารีเอตต้า
อารีเอตต้า: บอกมาหน่อยคล็อด นายรู้มั้ยว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถขโมยไปได้ แม้แต่โจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่สามารถเอาไปได้ บางสิ่งภายใน..ที่ไม่มีใครมองเห็น นายคิดว่ามันคืออะไร
คล็อด: ฮึม…สัญชาตญาณ เราทุกคนต่างผูกพันกันด้วยเลือดเนื้อ เราใช้ชีวิตและตายไปโดยพยายามปลูกสวนที่ยั่งยืน ไม่มีกุญแจที่จะปลดเราจากโซ่ตรวนเหล่านั้นได้
อารีเอตต้า: ฮาฮา นายพูดถูก เธอยิ้มอีกแล้ว

ในที่สุด
ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระ
หลังจากนี้ไป
ฉันจะไปในที่ที่ฉันต้องการ
ฉันจะอยู่ในที่ที่ฉันอยากอยู่
แต่กลิ่นมันไม่หอมหวานอย่างที่ฉันหวังไว้ ไม่เลย..
มันมีกลิ่นของคาวเลือด

Throne – Chapter 4 End

สถานที่ต่อไปเราจะไปกันที่ Nameless Village แต่การเดินทางจะไกลอยู่หน่อย ให้เริ่มจากวาร์ปไปที่เมือง Tropu’hopu แล้วออกซ้ายไปที่ Western Tropu’hopu Traverse จากนั้นวิ่งต่อไปทางซ้าย เมื่อถึงตรงบริเวณที่มีจุดเซฟ แยกที่มีป่ากับซากปรังหักพังอยู่ ให้เดินตรงขึ้นไปด้านบน ไปตามทางเรื่อยๆ จะเจอกับท่าเรือ ให้เราขึ้นเรือเล็กไปต่อจะเข้าสู่แผนที่ Southern Nameless Village Traverse แผนที่นี้จะให้พยายามเดินขึ้นไปด้านบนต่อ แล้วจะเห็นท่าเรือให้เราเดินขึ้นไปได้ จากนั้นก็จะเข้าสู่เมือง Nameless Village และเริ่มเนื้อเรื่องบทสุดท้ายของเทเมนอสกัน

Temenos – Chapter 4

Share:

Facebook
X
Flex-Ad-Side-Bar.png
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.