แคสตี้ที่เดินทางมาถึง Abandoned Village เดินไปอีกเล็กน้อยก็ได้เจอเข้ากับมาลายา
แคสตี้: มาลายา เธอมาทำอะไรที่นี่
มาลายา: เธอถามผิดคำถามแล้วล่ะ เธอน่าจะถามว่า เกิดอะไรขึ้นที่นี่ คำว่า “ซานตาเนโฮ” มีความหมายอะไรกับเธอบ้างไหม มันคือดอกไม้ที่สำคัญมากกับกลุ่มนักปรุงยาของเอียร์
แคสตี้: ซานตาเนโฮ
เมื่อแคสตี้พูดจบ ก็มีภาพในอดีตแว่บขึ้นมา
มาลายา: ดีมากแคสตี้ ถึงเวลาที่จะต้องจำได้แล้ว ฉันจะช่วยด้วย
ให้แคสตี้กด Inquire กับมาลายา แล้วคำว่า ดอกซานตาเนโฮ จะทำให้เธอนึกถึงเรื่องในอดีตได้

เรื่องราวของเรามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน
มันเป็นฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสีเขียว
ฤดูของเมฆและฝนกำลังจะมาถึง
กลุ่มนักปรุงยาของเอียร์กำลังทำการรักษาชาวเมืองคนหนึ่ง จากนั้นแคสตี้ก็ได้นำยามารักษาให้ หลังจากนั้นชาวเมืองก็อาการดีขึ้น แล้วทรูโซก็วิ่งเข้ามา เขาขอโทษที่มาสายเพราะเจอเข้ากับคนไข้ ชื่อว่า แซลลี่กลางทาง และได้ทำการรักษาเบื้องต้นให้แล้ว แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง เดี๋ยวจะต้องไปติดตามดูอาการของเธอเร็วๆ นี้ เอลมาหนึ่งในกลุ่มนักปรุงยาของเอียร์ก็ถึงกับชมว่า นายใส่ใจคนไข้ของนายมากกว่านักปรุงยาคนอื่นที่ฉันเคยพบมา มาลายาก็ชมเช่นกันว่า นั่นคือหัวใจสำคัญของการเป็นผู้รักษา ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการ หลักการและคำพูดของแคสตี้เพื่อการดำเนินชีวิต มันคือพลังของจิตวิญญาณของเธอที่ทำให้เราทุกคนมารวมกัน แอนดี้ก็บอกด้วยว่า หลักการนี้มันทำให้กลุ่มของเรานั้นพิเศษ แคสตี้ก็ขอบคุณสำหรับคำชม แล้วก็บอกให้ทุกคนพักกันหน่อยเถอะ

ตอนนี้ให้เราเดินไป Inquire กับกลุ่มนักปรุงยาของเอียร์ที่กระจายตัวกันอยู่ในเมืองให้ครบทุกคน โดยจะมี เอลม่า, แรนดี้, ทรูโซ และแอนดี้ หลังจากครบแคสตี้ก็รู้สึกว่าทุกคนกำลังทำงานเป็นไปด้วยดี แต่แล้วก็มีเด็กชายที่ชื่อว่าเท็มม์วิ่งเข้ามาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ กลุ่มนักปรุงยาของเอียร์ก็รีบมารวมตัวกัน เท็มม์เล่าให้ฟังว่าแซลลี่ จู่ๆ เธอก็หมดสติไป เรียกยังไงเธอก็ไม่ตื่น ทรูโซที่ได้ยินก็รีบบอกให้เท็มม์พาไปหาแซลลี่ทันที จากนั้นทั้งกลุ่มก็วิ่งออกไปจนเจอเข้ากับแซลลี่ที่นอนหมดสติอยู่ แคสตี้เมื่อมาถึงก็ขอดูอาการของแซลลี่แทนที่ทรูโซ ส่วนทรูโซก็เล่าให้ฟังว่า อาการบวมที่หน้าผากของเธอ ไม่เคยมีมาก่อน แคสตี้ก็บอกว่า ตัวเร่งปฏิกิริยาบางอย่างอาจทำให้อาการบาดเจ็บของเธอแย่ลงหลังจากที่นายจากไป ไม่มีทางที่นายจะคาดเดาเรื่องนี้ได้ทรูโซ ตอนนี้พวกเราต้องการยาเพื่อลดอาการบวมของเธอลงก่อน แอนดี้ก็บอกว่าเดี๋ยวนะ เธอต้องการซานตาเนโฮใช่มั้ย เอลม่าก็ถามว่าดอกซานตาเนโฮที่มันขึ้นอยู่บนยอดเขาลิเฟียน่ะหรอ มาลายาก็บอกว่าสถานที่นั้นมันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ มันอันตรายมาก ทรูโซที่รู้แบบนั้นก็กำลังคิดจะวิ่งไปที่นั่นเพื่อนำดอกไม้กลับมา แต่แอนดี้ก็ห้ามทรูโซเอาไว้ มาลายาก็บอกให้ใจเย็นเอาไว้ก่อน เรามียาที่บรรเทาอาการของเธอได้ มันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่เราควรลองใช้ดูก่อน ทรูโซก็เลยเถียง แต่ดอกซานตาเนโฮคือสิ่งเดียวที่จะช่วยรักษาอาการของเธอได้แน่นอน ถ้าสามารถช่วยเธอได้ ฉันก็อยากจะทำมันด้วยมือของตัวเอง แคสตี้เลยออกความคิดเห็นให้มาลายาและคนอื่นใช้ยาที่มีไปก่อน ช่วยให้อาการของเธอคงที่ รอจนกว่าเธอและทรูโซจะกลับมาจากการเก็บดอกซานตาเนโฮ แอนดี้ก็ไม่เห็นด้วยเพราะที่นั่นมันอันตรายเสี่ยงชีวิตมาก แต่แคสตี้ก็บอกว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของทรูโซดี และพวกเราควรทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอให้ได้ มาลายาก็เลยบอกแอนดี้ว่ามันเป็นคำสั่งของหัวหน้า แอนดี้ก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ

แคสตี้และทรูโซก็ได้มาถึงสถานที่ที่มีดอกซานตาเนโฮอยู่ ในระหว่างที่กำลังเก็บทั้งสองก็ได้พูดคุยกัน โดยทางทรูโซก็ได้เล่าให้ฟังว่า มันเป็นเพราะหลักการ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการ ของแคสตี้ ที่ทำให้มาที่นี่ ได้เปลี่ยนโชคชะตาของเขา ตอนแรกที่เขาตัดสินใจเป็นนักปรุงยาก็เพราะต้องการรักษาอาการของน้องสาว เธอเป็นโรคที่มีแต่คนบอกว่ารักษาไม่ได้ เขาก็เลยศึกษามันมาหลายปี สุดท้ายความพยายามของเขาก็ไร้ผล ได้แต่มองดูเธอตายไปต่อหน้า ในระหว่างที่เธอนอนรอความตายอยู่ เธอก็ได้พูดกับทรูโซว่า “แม้ไม่อาจช่วยชีวิตของฉันได้ แต่มือของนายก็เป็นมือของผู้รักษา จงช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ” หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 2 ก็กลับไปพร้อมกับดอกซานตาเนโฮและสามารถรักษาอาการของแซลลี่ให้หายดีได้

กลับมาที่ปัจจุบัน
แคสตี้: ซานตาเนโฮ…ทรูโซและฉันได้เก็บดอกไม้นั่นมาด้วยกัน เขาเป็นคนที่มีความอ่อนโยนและมีจิตใจบริสุทธิ์ที่สุดในหมู่พวกเรา
มาลายา: ใช่แล้ว มันบริสุทธิ์เกินไป ทำให้ความมืดสามารถเข้ามาเกาะกุมหัวใจได้ง่ายขึ้น และถูกครอบงำด้วยความชั่วร้าย
แคสตี้: อะไรนะ!
มาลายา: ค้นหาความทรงจำของเธอสิ เธอเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว
แคสตี้: แล้วตอนนี้เธอจะไปที่ไหนน่ะ
มาลายา: ไปที่กลางเมือง มาหาฉันตอนที่เธอพร้อม

ตามมาลายาไปที่กลางเมือง ให้ Inquire ใส่มาลายา แล้วแคสตี้ก็จะนึกถึงอดีตขึ้นมาได้อีกครั้ง
กลุ่มนักปรุงยาของเอียร์พึ่งกลับมาที่เมืองจากการเดินทางไกล แคสตี้ก็อยากเห็นว่าทรูโซเป็นยังไงบ้างเพราะปล่อยเขาเอาไว้ให้เฝ้าที่หมู่บ้านนี้อยู่คนเดียว ในตอนนั้นฝนกำลังตกและสภาพอากาศก็ดูมืด ม้าที่พวกเขาขี่มาก็ดูมีอาการผิดปกติ แถมเอลมาสังเกตุเห็นว่าสัตว์ต่างๆ ในหมู่บ้านก็ล้มตายลง แคสตี้และคนอื่นรู้สึกแล้วว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เมื่อเดินเข้าไปในเมืองก็เจอกับชาวบ้านได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ เมื่อพวกเราไปถึงก็ได้พบว่าทั้งแซลลี่และเท็มม์เด็กทั้ง 2 นอนอยู่บนพื้น แอนดี้ก็ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชาวบ้านเลยเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกแซลลี่กับเท็มม์ได้ออกไปเล่นกันข้างนอกแต่ก็ไม่กลับมาเลย ชาวบ้านทุกคนก็เลยวิ่งฝ่าฝนออกตามหาเด็กทั้ง 2 สุดท้ายก็ไปเจออยู่ที่หลังภูเขา แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่มีความหวังเหลืออยู่แล้ว แอนดี้เลยถามว่าแล้วทรูโซไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ ทำไมไม่ยอมมาช่วย ชาวบ้านก็บอกว่าได้ตามหาเขาแล้วแต่ก็ไม่เจอตัว แคสตี้ที่ตรวจดูศพเด็กทั้ง 2 ก็เจอเรื่องแปลกๆ เพราะว่าเลือดของเด็กเป็นสีดำ มันน่าจะเกิดจากพิษบางอย่าง ตอนนั้นเองชาวบ้านคนหนึ่งก็บอกว่าเขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี และคนอื่นก็เริ่มรู้สึกแบบนี้ด้วยเช่นกัน มีอาการตัวสั่นไม่หยุด สุดท้ายชาวบ้านที่อยู่รอบตัวก็ล้มลงไปที่พื้น เมื่อแคสตี้เข้าไปตรวจสอบก็พบว่าเลือดพวกเขาเป็นสีดำเหมือนกัน แคสตี้จึงได้สั่งให้มาลายาและแอนดี้รีบเข้าช่วยเหลือ แต่สุดท้ายชาวบ้านทั้งหมดก็ไม่รอด จากนั้นเอลม่าและแรนดี้ก็วิ่งเข้ามาบอกว่า ชาวบ้านทุกคนตายหมดแล้ว แคสตี้บอกทุกคนให้ใจเย็น ในระหว่างที่วิเคราะห์เหตุการณ์กันอยู่นั้นเอง ทั้งกลุ่มก็เริ่มมีรอยช้ำสีดำขึ้นมากันแล้ว แคสตี้ก็เริ่มคิดขึ้นมาได้ว่า ฝนตกเป็นสีม่วง พอนำมาโยงรวมกัน แคสตี้จึงรีบสั่งให้ทุกคนเข้าที่ร่ม สาเหตุของอาการป่วยน่าจะเป็นเพราะฝนนี่เอง ในระหว่างนั้นมาลายาก็สังเกตุเห็นควันลอยขึ้นมาบริเวณทางภูเขา ทำให้แคสตี้คิดว่า สาเหตุของเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะควันนั่นมันเป็นพิษ ลอยขึ้นไปบนอากาศและฝนเป็นตัวช่วยในการแพร่พิษ เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วทุกคนก็กำลังจะไปที่ภูเขา เพื่อหยุดควันนั่นจากการแพร่พิษ โดยทิ้งเอลม่าไว้ที่หมู่บ้านเพื่อคอยดูอาการของคนอื่น อาจจะพอช่วยใครได้บ้าง

ตอนนี้ให้วิ่งไปทางขวาตามทางเรื่อยๆ เมื่อถึงปากทางเข้าถ้ำบนภูเขาเหตุการณ์จะตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ให้เราเดินทางต่อไปจนสุดทางถึงบริเวณที่เราเคยมาเก็บดอกซานตาเนโฮ ฉากจะตัดกลับไปยังอดีตอีกครั้ง ทั้งกลุ่มได้เดินมาจนกระทั่งเจอต้นตอของปัญหา ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำ ที่ด้านข้างของเขามีเปลวไฟสีม่วงกำลังเผาอะไรบางอย่างทำให้เกิดควันซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งหายนะครั้งนี้

???: ตาย พวกเขาตายหมดแล้ว ตาย ตาย ตาย ตาย ฝนโหมกระหน่ำ จงตกต่อไป อ่า สวัสดีทุกคน หัวหน้า ขอต้อนรับกลับบ้าน น่าเสียดายที่ได้เห็นพวกคุณอยู่ที่นี่ ฉันพยายามอย่างมากแล้วที่เลือกช่วงเวลาที่ทุกคนไม่อยู่ แต่พวกคุณมักจะรีบช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการอยู่เสมอ ใช่มั้ยล่ะหัวหน้า
แอนดี้: ทรูโซ นายเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้งั้นหรอ
มาลายา: อธิบายมาเดี๋ยวนี้
ทรูโซ: ควันนี่ ฉันกำลังเผาพิษชนิดพิเศษอยู่ มันจะลอยขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเมฆ แล้วฝนก็จะตกลงมา ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ นี่มันคือหยดน้ำตานะสหาย หยดน้ำตาของความทุกข์ทรมานในโลกนี้
มาลายา: นายพูดอะไรกันแน่
แคสตี้: นายรู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่
ทรูโซ: รู้สิหัวหน้า ฉันกำลังทำตามหลักการไปสู่จุดสิ้นสุดตามเหตุและผล “ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการ” ไม่ใช่แบบนั้นหรอ ฮี่ฮี่ ฮ่าฮ่า ฝนนี่จะนำพาสู่การหลุดพ้น
แอนดี้: ทรูโซ แซลลี่และเท็มม์ตายแล้ว
ทรูโซ: ฉันรู้ ฉันเป็นคนฆ่าเอง โอ้แม่เจ้าเด็กๆ อันเป็นที่รักของเราหายไป! ใครจะสนใจว่าเราจะเปียกปอนหรือไม่ เราต้องหาพวกเขาให้เจอ
แคสตี้: นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง..
มาลายา: นาย นายใช้เด็กเพื่อหลอกชาวบ้านให้โดนฝนงั้นหรอ ทำไม นายเคยเสี่ยงชีวิตช่วยแซลลี่มาแล้วครั้งหนึ่งนะ
ทรูโซ: ฉันทำ ฉันเป็นคนโง่ที่ยังไม่เข้าใจความเป็นจริง
แคสตี้: ความเป็นจริงอะไร นายไม่ได้บอกว่าจะบรรเทาทุกข์ให้ผู้คนหรอ ช่วยพวกเขาด้วยมือของนายเอง?
ทรูโซ: ไม่เอาน่าหัวหน้า คุณคิดว่าความทุกข์คืออะไร ฮืมม? ความอยู่รอด… 
แคสตี้: …
ทรูโซ: คุณจำผู้ชายที่เราพบในภารกิจบรรเทาทุกข์เมื่อนานมาแล้วได้ไหม? เขาเบิกเนตรให้ฉัน ฉันมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนมาก เขาแสดงให้ฉันเห็นความจริงของโลกอันบิดเบี้ยวใบนี้ เราดำเนินชีวิตอยู่บนสุสานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเน่าเปื่อย หนอนแมลงวันกำลังอิ่มหนำกับเนื้อเน่า
แคสตี้: อ๊าา
ทรูโซ: หัวหน้า คุณดูอาการไม่ค่อยดีเลย ในที่สุดพิษก็เริ่มออกฤทธิ์แล้วสินะ ไม่ต้องกังวล ฉันจะช่วยคุณให้พ้นจากความทุกข์ ฉันจะช่วยพวกคุณทุกคนเอง คุณควรขอบคุณสำหรับความเมตตาของฉันนะ อะฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
แคสตี้: ไม่ นายคิดผิดแล้ว มือของนักปรุงยาไม่ได้มีไว้เพื่อปลิดชีวิต และมือของนายก็เป็นมือที่อ่อนโยนมากที่สุด ทรูโซ
มาลายา: แคสตี้..
แคสตี้: เปิดตาของนาย! นี่ไม่เหมือนนาย! นี่ไม่ใช่ตัวนาย!
มาลายา: แคสตี้ลืมมันไปเถอะ เขาหมดหวังแล้ว ควบคุมตัวเองหน่อย เราต้องรีบหนี กลับไปที่หมู่บ้าน
แคสตี้: ไม่นะ เราต้องดับไฟนี้ให้ได้
มาลายา: ดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะดับ เขาน่าจะมีฟอสฟอรัสมากพอที่จะเผาได้อีกหลายวัน สิ่งที่ควรทำคือวิ่งหนี เพื่อช่วยเหลือคนที่เราสามารถช่วยได้ อาจยังมีคนรอดชีวิตเหลืออยู่บ้าง
แคสตี้: ทำไม ทรูโซ แค่ก แค่ก
แคสตี้มีอาการไอและล้มลง ทุกคนเลยวิ่งเข้ามาดูอาการของแคสตี้
มาลายา: แคสตี้!
ทรูโซ: นั่นไง หัวหน้า ไม่ต้องเสียใจไปนะ ฉันจะยื่นมือของฉันไปยังทุกคน คนที่คุณไม่สามารถช่วยได้อีกต่อไป อันที่จริงถึงเวลาที่ฉันต้องออกเดินทางแล้ว จะมีพิธีราชาภิเษกในอาณาจักรทิมเบอร์เรน ที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันตก ฉันได้ยินมาว่าจะมีผู้คนมากมายมารวมตัวกันเพื่อดูมัน มีคนมากมายจริงๆ พวกเขาจะไม่คาดคิดว่าฉันจะทำให้ฝนตกใส่ขบวนพาเหรด
แคสตี้: ไม่..อย่านะ…ทรูโซ
ทรูโซได้ทำให้ควันขนาดใหญ่ขึ้นและเขาก็หายตัวไป

แอนดี้: แกมันไอ้สัตว์ประหลาด แรนดี้
แรนดี้: รู้แล้ว
จากนั้นทั้ง 2 คนก็วิ่งไปที่กองไฟ
แอนดี้: มาลายา พาตัวหัวหน้าออกไปยังที่ปลอดภัย
มาลายา: แอนดี้! แรนดี้!
แอนดี้: ฉันมีบทเรียนสุดท้ายสำหรับนาย ทรูโซ! นี่คือความหมายของการยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม
ทั้งแอนดี้และแรนดี้ก็ได้วิ่งเข้าสู่กองไฟ พวกเขาได้ใช้ตัวเองในการดับไฟ สุดท้ายไฟก็มอด แต่พวกเขาก็เสียชีวิตลงไปด้วยเช่นกัน

ทางด้านทรูโซที่กำลังเดินทางอยู่ก็ได้เห็นแล้วว่าควันไฟถูกดับลง เขาก็พูดว่า อ่าา น่าเสียดายไฟถูกดับลงเสียแล้ว ยังไงฉันก็เกือบจะหมดธุระกับที่นี่แล้วอยู่ดี พิษของฉันก็แพร่กระจายไปในอากาศเหมือนกันนะรู้ไหม มันจะตามหาคุณไม่ว่าคุณจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ตาม ฉันขออำลาพวกคุณไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน

ทางด้านแคสตี้และมาลายาที่พึ่งเดินออกจากถ้ำในภูเขา
มาลายา: ควันหยุดแล้ว แต่ฝนดูเหมือนจะไม่หยุดตกเร็วๆ นี้
แคสตี้: อ่าาา..มาลายา…
แคสตี้ที่ตอนนี้ดูอาการไม่ค่อยดี ก็ได้ล้มลงอีกครั้ง
มาลายา: แคสตี้ แข็งใจเอาไว้นะ! แคสตี้! แคสตี้!!! ไม่..ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย! อดทนไว้อีกแค่แปปเดียว..หยดหิมะ..กลืนกลีบพวกนี้ลงไปแคสตี้
แคสตี้ได้กลืนกลีบหิมะลงไปตามที่มาลายาบอก
มาลายา: นี่มันจะช่วยให้เธอต้านพิษของทรูโซได้ หากฉันค้นพบวิธีที่จะปรุงดอกไม้พวกนี้ ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่เข้มข้นกว่านี้ได้…ให้ตายเถอะ ฉันขาดประสบการณ์ อดทนไว้นะแคสตี้

จากนั้นมาลายาก็ได้ลากแคสตี้ลงจากภูเขาจนไปถึงหมู่บ้าน มาลายาพยายามเรียกหาคนช่วยเหลือ แต่ทุกคนก็ตายลงหมดแล้ว เมื่อมาถึงที่หน้าบ้านของพวกเธอก็พบว่า เอลม่าได้ตายลงเช่นกัน แต่เธอสามารถช่วยชีวิตม้าเอาไว้ได้ เธอได้ใช้ผ้าคลุม คลุมตัวม้าที่ชื่อจายาเอาไว้ มาลายาก็เลยพาแคสตี้ขึ้นไปบนม้า เธอจะขี่มันเพื่อหนีออกจากฝน

สุดท้ายเธอก็ได้มาถึงท่าเรือเล็กแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีเรือลำเล็กอยู่
มาลายา: แคสตี้ เธอมีพลังที่จะช่วยชีวิตคนอื่นมากยิ่งกว่าใคร นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
มาลายาพาเธอลงไปยังเรือพายลำเล็ก
แคสตี้: มันคือหยดหิมะ
มาลายา: มันคือดอกไม้หายาก มันมีพลังที่จะรักษาเลือดสีดำได้ ฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าของเธอนะ เธอเป็นความหวังเดียวของเราในการช่วยชีวิตผู้คนจากฝนที่เลวร้ายนี้ ถ้าจะมีใครสักคนที่สามารถสร้างยารักษาได้ มันต้องเป็นเธอ มันขึ้นอยู่กับเธอแล้วตอนนี้
มาลายาได้ดันเรือลำเล็กออกจากฝั่ง จากนั้นเธอก็เฝ้ามองดูเรือลำนั้นลอยออกไป จงมีชีวิตอยู่นะแคสตี้ มีใครบางคนที่เธอต้องช่วย ตอนนี้ก็เหลือแค่เราแล้วนะจายา มาดูเธอออกจากฝั่งด้วยกันเถอะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะหัวหน้า

กลับมาที่ปัจจุบันแคสตี้ก็อยู่ตรงจุดที่มาลายาได้เฝ้ามองดูเธอลอยออกจากฝั่ง
มาลายา: ตอนนี้เธอจำทุกอย่างได้แล้วสินะ
แคสตี้: …มาลายา เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แล้วใช่มั้ย
มาลายา: ใช่แล้วล่ะ ฉันเป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำของเธอ ภาพหลอน ความฝัน
แคสตี้: แค่..ความทรงจำ
มาลายา: นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ฉันถึงบอกเธอได้เฉพาะในเรื่องที่เธอรู้เท่านั้น แต่แล้วในที่สุดงานของฉันก็เสร็จสิ้น
แคสตี้: มาลายา เธอและคนอื่นๆ ได้ช่วยชีวิตของฉันไว้ ตอนนี้ถึงตาของฉันแล้ว ฉันสาบานว่าจะหยุดทรูโซให้ได้
มาลายา: ฉันเชื่อในตัวเธอแคสตี้
แคสตี้: ลาก่อน มาลายา

ทุกอย่างกลับมาท่วมท้นอยู่ในใจของแคสตี้
วันเวลาอันแสนสุขที่ใช้ร่วมกับเพื่อนรัก… และโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ทรูโซผู้มีเจตนาร้ายได้เปิดเผยว่าเขาจะโจมตีที่ไหนต่อไป
ทิมเบอร์เรน นั่นคือที่ที่ฝนของเขาจะตกลงมา
เป้าหมายของเธอชัดเจน แคสตี้ทิ้งหมู่บ้านที่ถูกทำลายไว้เบื้องหลัง 
เธอต้องหยุดอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอ ก่อนที่เขาจะก่ออาชญากรรมอันโหดร้ายอีกครั้ง
Castti – Chapter 3 End

เราจะไปต่อกันที่เมือง New Delsta กับเนื้อเรื่องบทสุดท้ายของโทรเน่
 
				 
															 
								 
															



 
								