หลังจากที่ได้รับคำเชิญจากเรกูลัสเพื่อให้มาดูกล้องดูดาวด้วยกัน พาร์เททิโอและออสวอลด์ก็ได้เดินทางมาถึงที่ Montwise ทั้ง 2 คนคิดว่าห้องทดลองของเรกูลัสนั้นน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องสมุดนี่แหละ พาร์เททิโอก็ได้ชวนให้ไปหาเขาแล้วฉลองด้วยเครื่องดื่มกันเถอะ ออสวอลด์ก็ถามว่าเครื่องดื่มนี่หมายถึงพวกที่มีแอลกอฮอล์ใช่มั้ย พาร์เททิโอเลยถามว่าแล้วมันมีเครื่องดื่มแบบอื่นด้วยหรอ ออสวอลด์ด้วยความเป็นนักวิชาการก็เลยบอกว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันทำให้สมองมึนงง ถ้าจะดื่มล่ะก็ควรดื่มกาแฟดีกว่า พาร์เททิโอบอกว่า กาแฟ ฉันชอบแบบที่ใส่นมเยอะๆ ออสวอลด์ตอบทันทีว่านั่นมันไร้สาระ นมมันลดความขมจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งความขมเป็นตัวกระตุ้นจิตใจ พาร์เททิโอก็เลยบอกว่าแต่ละคนก็มีควาชอบของตัวเอง ไปทักทายเลกูลัสกันก่อนเถอะ

ตอนนี้ก็ให้วิ่งไปทางฝั่งขวาแล้วขึ้นบันไดเข้าไปที่ห้องด้านบน เราจะพบเข้ากับเรกูลัสที่นอนนิ่งอยู่ ทั้ง 2 คนที่เห็นก็ตกใจเลยรีบเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรกูลัสบอกว่ากล้องดูดาวถูกขโมยไป ส่วนตอนนี้มีอะไรให้กินมั้ยเขารู้สึกหิวมาก ถึงขนาดจะไม่มีแรงพูดแล้ว เมื่อเรกูลัสได้กินอาหารแล้ว เขาก็บอกว่าพระเจ้ายังไม่หันหลังให้ฉันสินะ เขาไม่ได้กินอะไรมานานถึง 6 วัน 19 ชั่วโมง 4 นาที ทางด้านพาร์เททิโอก็ถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองอดอาหารมานานขนาดนั้นล่ะ ส่วนออสวอลด์ก็ถามถึงเรื่องกล้องดูดาวที่ถูกขโมยไป เรกูลัสเลยบอกว่ากล้องดูดาวน่ะเสร็จแล้ว แต่ได้ใช้เงินจนหมดจึงไปกู้ยืมเงินมา และเงินกู้ก็ต้องการหลักประกัน ดังนั้นเลยต้องส่งกล้องดูดาวไป ออสวอลด์ก็เลยบอกว่าแบบนั้นไม่เรียกว่าถูกขโมย แต่นายขายมันไปต่างหาก เรกูลัสเลยบอกว่ามันทำอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นการชำระหนี้ ส่วนกล้องดูดาวน่ะจะเอามันกลับมาได้ก็ต้องหาเงินไปไถ่ถอนมัน

หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็ได้ออกมาที่หน้าห้องสมุด ออสวอลด์เลยบ่นว่า ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมนักวิจัยถึงยอมมอบผลลัพธ์จากการทำงานของตัวเองให้คนอื่น พาร์เททิโอก็บอกว่าอย่างน้อยตอนนี้มันก็ยังโอเคอยู่ ออสวอลด์บอกว่าความอ่อนหวานของนายกำลังขัดขวางความก้าวหน้าของเรา พาร์เททิโอเลยเถียงกลับว่าในทางกลับกันความหวานเล็กน้อยก็ช่วยได้ตลอด เช่นเดียวกับในกาแฟ เช่นเดียวกับในชีวิต คู่ครอง ตอนนี้พวกเราควรไปคุยกับเจ้าหนี้นอกระบบก่อน ให้เขาคืนกล้องดูดาวมา

ตอนนี้ก็ให้เดินทางไปทางขวาแล้วเดินขึ้นไปที่บ้านด้านบน จะเจอกับกลุ่มเงินกู้ที่กำลังพูดถึงกล้องดูดาว แถมยังบอกด้วยว่าเรกูลัสนั้นอันที่จริงแล้วได้จ่ายเงินกู้หมดไปแล้ว แต่ก็ยังคงยอมจ่ายเงินให้พวกเขาต่ออีก ถึงขนาดพวกเขาจะแอบขายกล้องดูดาวพวกนั้นอีกด้วย เมื่อทั้ง 2 คนได้ยินก็เลยเข้าไปหาเรื่องจัดการกับพวกมันทันที

ทีนี้ก็บุกเข้าไปในบ้านเพื่อทวงกล้องดูดาวคืนมา ทางฝั่งเจ้าของเงินกู้ก็ไม่ยอมเลยส่งลูกน้องเข้ามาสู้กับเราเพิ่มอีก เมื่อจัดการได้แล้ว พวกลูกน้องก็จะวิ่งหนีออกไป จากนั้นให้ปรับเป็นเวลากลางคืนแล้วกด Mug ใส่ เมื่อเอาชนะได้เราก็จะได้รับกล้องดูดาวกลับคืนมา

สุดท้ายพวกเราก็จะได้มาส่องดูดาวกับเรกูลัส แต่ขณะนั้นเองออสวอลด์ก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างบนนั้น ทำให้เรกูลัสต้องมาดูเอง เลยได้รู้ว่ามันมีอะไรผิดปกติอยู่ เรกูลัสบอกว่าปกติแล้วดาวซีตัสโคจรรอบท้องฟ้าเหมือนกับกลุ่มดาวอื่นๆ ช่วงเวลานี้ในทุกปี มันควรจะอยู่เหนือหัวพวกเราในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น ออสวอลด์เลยบอกว่า บางครั้งเราต้องเปลี่ยนแนวคิดของเราเองเกี่ยวกับโลก สมมติว่าตอนนี้ที่เห็นเป็นกลางคืน มันอาจจะยังคงเป็นช่วงกลางวัน เมื่อออสวอลด์คิดแบบนั้นได้เขาถึงกับตกใจ พาร์เททิโอก็บอกว่า งั้นกลางวันกลายเป็นกลางคืนหรอ เรกูลัสก็บอกว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เขาได้บันทึกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกมาหลายปีแล้ว และดูเหมือนว่าเวลากลางวันจะสั้นลงเล็กน้อย ตอนแรกฉันคิดว่าแค่เพียงจำเวลาผิด ดังนั้นเลยหยุดการบันทึกข้อมูล ออสวอลด์ก็สรุปได้ว่าตอนนี้เวลากลางคืนมันจะยาวนานขึ้น แต่อย่างไรก็ตามถึงแบบนั้นก็ทำให้เรกูลัสอดไม่ได้ที่จะศึกษาเกี่ยวกับท้องฟ้าต่อไป เพราะมันเป็นขุมทรัพย์ของสิ่งที่ไม่รู้จัก พาร์เททิโอก็เตือนว่าอย่าลืมหาของกินด้วยล่ะ
The Scholar & Merchant, Part 2 End

ทีนี้เราก็ไปต่อกันที่เนื้อเรื่อง The Cleric & Thief, Part 1 ที่เมือง Flamechurch
 
				 
															 
								 
															



 
								