แอ็กเนียที่เดินทางมาถึงเมือง Tropu’hopu เธอกางแผ่นเพลงแห่งความหวังขึ้นมา เธอต้องการแต่งเนื้อเพลงแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีแรงบันดาลใจเลย แต่ก็เชื่อว่าจะทำได้ ตอนนั้นเองเธอก็ได้เห็นคณะเดินทางที่เกวียนของพวกเขาติดหล่มทราย ตอนนี้พวกเขาต่างก็โทษกันไปมา แอ็กเนียที่เห็นก็วิ่งเข้าไปช่วย เธอถามว่าพอจะมีไม้แข็งๆ กันบ้างหรือเปล่า พวกเขาก็ได้ค้นกระเป๋าดูปรากฏว่ามีเพียงแค่ขลุ่ยซึ่งแน่นอนว่ามันใช้ไม่ได้หรอก แอ็กเนียเลยจะไปตามหาไม้อันนี้มาช่วยเอง

ให้ปรับเป็นเวลากลางคืนแล้วเดินไปด้านบนเล็กน้อยก็จะเจอกับชาวเมืองคนหนึ่งที่มีสัญลักษณ์สีเขียวให้กด Entreat แล้วเอา Wooden Sword มา แล้วกลับไปคุยกับ จิเซลล์ ทีนี้แอ็กเนียจะใช้ดาบไม้ที่ได้มา พร้อมด้วยการช่วยเหลือของชาวคณะ งัดรถเข็นขึ้นออกมาจากทรายจนได้ จากนั้นก็มาแนะนำตัวกัน โดยแอ็กเนียได้บอกว่าเธอชื่อ แอ็กเนีย บริสตานี่ ทางด้านจิเซลล์รู้สึกเหมือนเคยได้ยินนามสกุลนี้มาก่อน แล้วก็แนะนำว่าพวกเธอคือวงดนตรีที่เดินทางไปแสดงตามสถานที่ต่างๆ เรียกตัวเองว่าคณะละครเร่ของจิเซลล์ มีสมาชิก 4 คน จิเซลล์ แทนซี่ ริโคและโคด้า “นำรอยยิ้มมาสู่ทุกมุมของอาณาจักร” นั่นคือคติประจำใจของเรา คราวนี้แอ็กเนียก็แนะนำเพิ่มว่าเธอคือนักเต้นรำ เดินทางเพื่อที่จะเป็นดารา จิเซลล์บอกว่าเธอคือผู้หญิงที่มีความฝัน ดาราคือผู้ที่ส่องสว่างให้กับชีวิตของผู้คน เธอทำให้พวกเขายิ้มได้ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดออก เธอก็จะอยู่ที่นั่น มันเป็นความสำเร็จที่มีเพียงผู้ที่ลุกขึ้นยืนบนเวทีเท่านั้นที่จะบรรลุเป้าหมาย แทนซี่ก็บอกว่าตอนนี้ได้เวลาเตรียมตัวซ้อมกันแล้ว พวกเธอจะมีการแสดงที่นี่ หวังว่าจะได้พบกันใหม่ แอ็กเนียที่ได้ยินแบบนั้นก็อยากจะร่วมชมการแสดงด้วยเช่นกัน

ทีนี้ให้เราเดินไปที่ส่วนหลังของหมู่บ้านก็จะพบกับ แทนซี่ ริโคและโคด้า ดูเหมือนว่าพวกเธอจะมีปัญหาบางอย่าง นั่นก็คือบอสจิเซลล์ของพวกเธอหนีไป เนื่องด้วยบางครั้งก่อนการแสดงจิเซลล์จะรู้สึกประหม่า แอ็กเนียก็เลยอาสาจะออกตามหาบอสของพวกเธอให้กลับมาเข้าร่วมการแสดงให้ได้ ตอนนี้ให้เราเดินกลับมาที่ส่วนด้านหน้าของเมือง ให้เดินไปทางซ้ายก่อนที่จะถึงชายหาดจะมีทางเดินที่สามารถขึ้นเรือเล็กข้ามไปยังอีกเกาะที่อยู่ใกล้กันได้ เราก็จะพบกับจิเซลล์ที่นั่งกอดเข่าอยู่

แอ็กเนียก็ถามว่าทำไมถึงหนีออกมาล่ะ จิเซลล์บอกว่าทุกอย่างมันหายไป ทุกบทคำพูดมันหายไป จิตใจของฉันมันเกิดว่างเปล่าระหว่างการซ้อม พอจิตนาการว่ามันจะเกิดขึ้นตอนแสดงจริงแล้ว… มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนและทุกครั้งฉันจะวิ่งหนี ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อขึ้นเวทีอีกต่อไป ชีวิตนักแสดงของฉันจบลงแล้ว แอ็กเนียเลยบอกว่าแล้วพวกผู้ชมล่ะ พวกเขากำลังรอชมการแสดงอยู่นะ จิเซลล์บอกว่าเธอรู้สึกอิจฉาทะเล ไม่มีเรื่องต้องกังวล ไม่มีความเจ็บปวด มันคงจะดีที่ไม่โดนใครครอบงำ บางครั้งฉันหวังว่าจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ และพักอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเหมือนเปลือกหอย ปรับเวลาเช้าให้แอ็กเนียใช้ Allure ใส่จิเซลล์ แอ็กเนียก็จะพูดว่าจิเซลล์เธออยากเป็นเปลือกหอยใช่มั้ย แต่เธอเป็นไม่ได้ เธอยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ ชีวิตมันไม่ได้ง่ายทุกคนรู้ดี แต่การสร้างรอยยิ้มให้ผู้คน คือเหตุผลที่เธอและฉันยังหายใจอยู่ จิเซลล์สังเกตุเห็นเท้าของแอ็กเนียเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันมีรอยด้านเยอะมาก อย่าบอกนะว่ามันเกิดขึ้นเพราะการเต้น จิตนาการไม่ได้เลยว่ามันเจ็บขนาดไหนด้วยวัยของเธอ แอ็กเนียก็ว่าบอกไม่เป็นอะไรเลย มันคุ้มค่ากับรอยยิ้มของผู้คน ดังนั้นลุกขึ้นมาจิเซลล์ หากลืมบทก็แค่เพียงจำมันใหม่ เชื่อมั่นในตัวเอง เธอสามารถทำได้ทุกอย่างหากตั้งใจ ดาราคือผู้ที่ส่องสว่างให้กับชีวิตของผู้คนใช่มั้ย ดังนั้นแม้ว่าจะสะดุดล้มก็ต้องลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง จิเซลล์ก็นึกได้ว่า เพียงแค่ลุกขึ้นใหม่อีกครั้งสินะ แอ็กเนียเลยกระตุ้นไปอีก ว่าถึงเวลาออกจากเปลือกหอยได้แล้ว อีกอย่างเธอไม่ใช่เปลือกหอย แต่คือไข่มุกที่แวววาว และโลกต้องการความสดใสของเธอ สุดท้ายจิเซลล์ก็บอกว่า ใช่แล้วฉันจะต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทีนี้ก็ให้ปรับเวลาเป็นกลางคืนและกลับไปที่เวทีชาวคณะกำลังรอเธออยู่

ในที่สุดการแสดงก็ได้เริ่มขึ้นแถมยังมีแขกรับเชิญพิเศษแอ็กเนียมาร่วมเต้น ทำให้การแสดงจบลงอย่างสวยงาม ทั้งคณะก็ได้มาฉลองร่วมกัน จิเซลล์ก็ชมว่าเธอไม่สงสัยเลยว่าแอ็กเนียจะนำพาความสุขมาแก่ผู้คนทั่วโลก แทนซี่เห็นด้วยสักวันหนึ่งแอ็กเนียต้องได้เป็นดารา ส่วนริโคกับโคด้าเมื่อพูดถึงดาราทำให้นึกถึงโดลซิเนีย จิเซลล์เลยชมยกใหญ่คิดว่าแอ็กเนียมีความสามารถโดดเด่นกว่าซุปเปอร์สตาร์คนนั้น แทนซี่ที่รู้สึกฮึกเหิมเลยบอกว่าพวกเธอจะฝึกฝนจนไปถึง แกรนด์กาล่า ให้ได้ แอ็กเนียสงสัยว่าแกรนด์กาล่าคืออะไร แทนซี่เลยอธิบายว่ามันคือ งานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝั่งทวีปตะวันออก จะมีเหล่านักแสดงและนักเต้นรำทั่วอาณาจักรมาเข้าร่วม การได้ยืนอยู่บนเวทีนั้นถือเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับนักแสดงเช่นเรา แอ็กเนียได้ยินก็คิดว่ามันฟังดูเหมือนฝันที่เป็นจริงเลย เธอเลยตัดสินใจที่จะไปงานแกรนด์กาล่าให้ได้ เช้าวันถัดมาก่อนที่จะแยกจากกันไป จิเซลล์ก็นึกออกแล้วว่าทำไมนามสกุลของแอ็กเนียถึงฟังดูคุ้นจัง เพราะมันคือนามสกุลของ ควานี่ บริสตานี่ ดาราจากฝั่งตะวันตก แอ็กเนียเลยบอกว่ารู้จักแม่ของฉันด้วยหรอ จิเซลล์ก็บอกว่าที่แท้เธอคือลูกสาวนี่เอง เธอได้ยินเรื่องของควานี่ตอนที่พวกเธอไปแสดงในเมือง Sai ได้ยินมาอีกว่าเธอเป็นนักเต้นรำเมื่อ 20 ปีก่อนและเป็นที่รักของทุกคนเหมือนกับแอ็กเนีย แอ็กเนียเลยตัดสินใจที่จะไปเมือง Sai ด้วยตัวเอง อาจทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับแม่ของเธอมากขึ้น สุดท้ายก็ได้ล่ำลากัน แล้วจะพบกันใหม่ที่งานแกรนด์กาล่า

แอ็กเนียตั้งเป้าหมายใหม่ไว้
การแสดงในงานแกรนด์กาล่า
เธอเชื่อว่าการเต้นรำบนเวทีที่นั่นจะนำเธอไปสู่การเป็นดารา
การพบกันครั้งสำคัญกับคณะละครเร่ของจิเซลล์
ทำให้เธอได้มีแรงบันดาลใจในการแต่งบทเพลงแห่งความหวัง
แต่ก่อนงานกาล่า เธอตัดสินใจไปเยี่ยมชมเมืองที่แม่ของเธอเคยเต้นรำ
Agnea – Chapter 3 End

ตอนนี้ให้เราไปที่บาร์แล้วนำพาร์เททิโอจากนั้นเดินไปทางขวาสุดของเมืองเข้าสู่ส่วน Tropu’hopu: Shipyard เดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือแล้วกดใช้ Purchase ซื้อ Unfinished Vessel ที่ราคา 100,000 Leaves หากเงินยังไม่ถึงก็แนะนำให้ขายของหรือเก็บเงินจากมอนสเตอร์ให้ครบ เพราะเป็นไอเทมสำคัญที่ยังไงก็ต้องซื้อให้ได้ เมื่อซื้อแล้วจะทำให้เราออกทะเลใหญ่ได้ของจริง จากนั้นก็ออกสำรวจทะเลแถวนี้สักเล็กน้อยก็ได้ จนพอใจแล้วเราจะไปกันต่อ

ให้วาร์ปไปที่เมือง Montwise เมื่อมาถึงเมืองนี้อย่าพึ่งเริ่มเนื้อเรื่อง ให้เดินลงด้านล่างเข้าสู่ Forsaken Graveyard แล้ววิ่งไปจนสุดทางเพื่อปราบบอสของแผนที่นี้ก่อน เมื่อมีเลเวลถึงตอนนี้แล้ว การปราบมันไม่น่าจะมีปัญหาเลย เอาชนะได้แล้วเปิดกล่องสมบัติจะได้รับ Forbidden Blade เป็นดาบอีกเล่มที่ค่อนข้างใช้งานได้ดี ทีนี้ก็ให้กลับไปนอนพักที่โรงแรมแล้วเปลี่ยนเอาออสวอลด์เข้าทีม เริ่มเนื้อบทที่ 4 ได้เลย

 
				 
															 
								 
															



 
								