ทุกสิ่งบนโลกล้วนมีที่มา
ไม่มีอะไรเกิดจากความว่างเปล่า
ตามลูกโซ่ของเหตุและผลไป มันจะนำไปสู่คำตอบที่กำลังมองหา
ณ ศาลแห่งหนึ่ง
อัยการ: เพื่อการบันทึก คุณ ออสวอลด์ ขอไม่รับสารภาพผิด ใช่ไหม?
ออสวอลด์: …
อัยการ: ข้อเท็จจริงคือ หลังจากดับไฟ ได้พบร่างของภรรยาและลูกสาวของคุณในเศษซากจากกองเพลิง พวกเขาถูกไฟเผาไหม้จนแทบไม่สามารถจดจำได้ เป็นภาพที่น่าสยดสยอง ฉันมั่นใจว่าคุณเห็นด้วย ดังนั้นศาลจึงรับรองโดยไม่มีการคัดค้านว่า การถูกเผาเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม มีรายละเอียดสุดท้ายที่ไม่สามารถอธิบายได้ ไม่พบสิ่งที่สมเหตุสมผลที่จะถือว่าเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย หากไม่มีการใช้เวทมนตร์
ออสวอลด์: …
อัยการ: คุณเคยเป็นนักวิชาการด้านเวทมนตร์มาก่อนใช่ไหม ออสวอลด์? นั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นเหรอ? ผมคิดว่าไม่ใช่ หลังจากได้ทำการสอบสวนที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ศาลถือว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความจริง คุณ ออสวอลด์ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจุดไฟในคืนนั้นได้
ผู้พิพากษา: ในนามอันศักดิ์สิทธิ์ของ อเลฟาน กษัตริย์แห่งนักปราชญ์ ศาลตัดสินคำพิพากษาดังต่อไปนี้ ออสวอลด์ วี วานน์สไตน์ เราพบว่าคุณมีความผิดในข้อหาฆาตกรรมภรรยาและลูกสาวของคุณ ซึ่งคุณจะถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตที่เกาะฟริกิต คุณมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายมั้ย?
ออสวอลด์: …
ฮาร์วีย์
ชายที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน
จะต้องตายด้วยมือฉัน ฉันสาบาน

5 ปีต่อมา
ณ เรือนจำบนเกาะฟริกิต
เกราะฟริกิต
เกาะแห่งหนึ่งที่โดดเดี่ยวในเขตเหนือสุดของทะเล บางคนเรียกมันว่า สุดขอบโลก
ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี
ทวีปที่ใกล้ที่สุดอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลาเดินทางโดยเรือนานสี่วัน แม้แต่ใช้เรือที่ใหญ่ที่สุด
ถึงกระนั้นพายุหิมะที่รุนแรงในทะเลก็สามารถทำลายเรือที่แข็งแกร่งที่สุดได้ การเดินทางไปและกลับจากสถานที่ที่ถูกสาปนี้มีการควบคุมอย่างเข้มงวด
สถานที่แห่งนี้กักขังชาวแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมอันร้ายแรงที่สุด
มันเคยมีคนถูกคุมขังสูงที่สุดมากกว่า 300 คน
ในประวัติศาสตร์กว่า 80 ปีที่ผ่าน
ไม่เคยมีใครหลบหนีออกจากที่นี่ได้เลย
หรือควรจะพูดว่า..
การปฏิบัติต่อนักโทษอย่างเลวร้าย
ทำให้ชีวิตต้องจบลงก่อนที่คำพิพากษาจะสิ้นสุดลง
ฉันอยู่รอดมาได้ 1,879 วัน
แม้แต่สภาพอากาศอันแสนเลวร้าย
ไม่ว่ากาลเวลาจะโหดร้ายเพียงใด
ก็ไม่สามารถดับไฟในอกของฉันได้

นักโทษ: อีกวันที่หนาวเหน็บในนรกใช่ไหมศาสตราจารย์
ออสวอลด์: …
นักโทษ: ฮ่าฮ่าฮ่า.. คุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร? มันคือสมุดบันทึกของคุณ ซึ่งมันไม่เคยออกห่างจากมือของคุณเลยใช่มั้ย?
ออสวอลด์: …
นักโทษ: อ่า ไม่ต้องมองฉันแบบนั้น ฉันแค่เพียงยืมมันเฉยๆ คุณเคยเป็นนักวิชาการที่เก่งมากใช่ไหม? ใช่แล้ว สมุดโน้ตเล่มนี้อาจมีค่าไม่น้อย ฉันแน่ใจว่ามันจะทำให้ฉันได้บุหรี่มาเป็นกองๆ เลย คุณสามารถเอามันกลับไปได้เลย เพียงแต่คุณต้องสู้กับฉัน
ออสวอลด์: …
ตอนนี้ตัวเกมจะสอน Path Action ตอนกลางคืนของ ออสวอลด์ ก็คือ Mug (ต่อสู้และขโมย) ทีนี้ก็ให้เรากด Mug ใส่นักโทษที่กวนอารมณ์คนนั้นได้เลย เมื่อสั่งสอนเสร็จแล้ว นักโทษก็จะรีบคืนสมุดมา พร้อมร้องตะโกนเรียกหาผู้คุม กล่าวหาว่าเราทำร้ายมัน พัศดีเดวิด ก็เลยเข้ามาหาเรื่องซ้อมเราได้ ตอนนี้ก็จะได้รู้ว่า เราเป็นนักโทษคนเดียวในที่แห่งนี้ ที่ถูกใส่ที่ครอบปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร่ายเวทมนตร์ได้ หลังจากพัศดีซ้อมเราเสร็จแล้ว ตัวออสวอลด์เองก็วิเคราะห์ได้ว่า หากมีคนส่งเสียงเรียกหาผู้คุม เหล่าผู้คุมจะใช้เวลา 30 วินาทีในการตอบรับ ที่แห่งนี้มี 1 พัศดี 34 ผู้คุม 292 นักโทษ ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่ออสวอลด์คอยรวบรวมมา จะช่วยทำให้เขาหลบหนีได้สำเร็จในที่สุด
แผนการณ์หลบหนีได้ถูกเขียนไว้ในบันทึก และเข้ารหัสอย่างเป็นธรรมชาติ แผนการณ์ที่มีการปรับปรุงมาตลอดระยะเวลา 5 ปี และถูกขัดเกลาจนมันสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เหลือแค่เพียงปริศนา 3 ชิ้นสุดท้ายแล้ว
ข้อแรก เส้นทางหลบหนี ข้อนี้ฉันได้เลือกทางเดินที่ทอดยาวไปยังคุกใต้ดิน
ทางเดินนี้ถูกมองข้ามแม้กระทั่งโดยพวกผู้คุมเอง และมันจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้โดยตรง ฉันจะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้นในเร็วๆ นี้
ข้อสอง เสื้อผ้าที่เหมาะสม เมื่อหนีออกจากที่นี่ได้สำเร็จ จะต้องเผชิญสภาพอากาศอันเลวร้ายทันที ความเหน็บหนาวจะคร่าชีวิตในไม่กี่นาที ถ้ายังใส่เพียงแค่เศษผ้าเหล่านี้
ข้อสุดท้าย ผู้สมรู้ร่วมคิด ฉันต้องการความช่วยเหลือจากอีกคนหนึ่งที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานภายในของเรือนจำ เมื่อชิ้นส่วนทั้ง 3 นี้ถูกจัดวางในที่ที่เหมาะสมแล้ว แผนการทั้งหมดก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นจะเหลือแค่เพียงการดำเนินตามแผน

เช้าวันต่อมา
ผู้คุมได้ปลุกเหล่านักโทษให้ออกมาทำงาน ท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น เหล่านักโทษจะต้องออกมาขุดสำรวจพื้นที่เพื่อหาแร่ ภูเขานี้ค่อยๆ ถูกขุดให้กลายเป็นเศษหิน และเรือนจำแห่งนี้ก็ถูกสร้างมาเพื่อการนั้น จนถึงทุกวันนี้ ยังคงมีฟอสโฟลฝังอยู่ในดินที่เย็นยะเยือก มันเป็นสารไวไฟอย่างมากและขายได้ในราคาที่พอใช้ ดังนั้นนักโทษจึงถูกบังคับให้ขุดหามัน และพวกผู้คุมก็เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไป ในระหว่างนั้นเองก็มีนักโทษที่ทนอากาศหนาวไม่ไหวล้มลงไป พัศดีก็เข้าไปดุด่าและซ้อมเขา จนกระทั่งเขาตายไปแบบนั้น เหตุการณ์ที่แย่แบบนี้เป็นภาพที่พบเห็นจนชินตา พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ ไม่ว่าจะเจอสภาพแวดล้อมใดๆ ไม่ว่าจะน่าสยดสยองแค่ไหน ก็สามารถกลายเป็นเรื่องปกติได้

ณ ลานเมืองบนเกาะฟริกิต
หลังจากถูกบังคับให้ทำงานหนักจะตามมาด้วยช่วงเวลาอิสระที่มีให้น้อยมาก ในเวลาว่างนี้ฉันจะทบทวนแผนส่วนที่เหลือ
ข้อแรก เส้นทางหลบหนี เรือนจำนี้เก่าแก่และใหญ่โต ย่อมมีช่องว่างและรอยต่อที่เกิดขึ้นได้ บางทีอาจสามารถค้นหาเบาะแสสักอย่างสองอย่าง จากคนที่มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเกาะนี้
ข้อสอง เสื้อผ้าที่เหมาะสม มีคนหนึ่งที่เขาเรียกว่า “ผู้จัดหาสิ่งของ” ขายเสื้อผ้าที่ฉันจำเป็นต้องใช้เพื่อการรอดชีวิต แต่ขั้นแรกจะต้องตามหาเขาให้พบ น่าจะต้องเริ่มจากการถามเหล่านักโทษบางคนที่อาจจะรู้จัก “ผู้จัดหาสิ่งของ” 
ข้อสุดท้าย ผู้สมรู้ร่วมคิด ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนี้จะต้องไม่ใช่นักโทษธรรมดาทั่วไป จะต้องหาใครสักคนที่สามารถทำตามแผนหลบหนีได้ จากนั้นจะเหลือแค่เพียงการดำเนินการตามแผน
ในช่วงนี้เราจะได้บังคับออสวอลด์อีกครั้ง ซึ่งตัวเกมจะสอนเกี่ยวกับ Path Action ช่วงกลางวัน Scrutinize (ตรวจสอบหาข้อมูล) โดยให้เราพยายามสำรวจพื้นที่และกดใช้ Path Action กับนักโทษเพื่อหาข้อมูลที่เราต้องการ จนกระทั่งเราได้เจอกับเอมเมอรัล (เขาจะอยู่ที่บ้านทางขวาสุดใกล้กับทางเดินหลัก) ซึ่งเอมเมอรัลก็สงสัยในตัวออสวอลด์ที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ คอยตรวจสอบเหล่านักโทษทั้งหลาย เขาคอยจับตาดูออสวอลด์มาตลอด 5 ปี ในความคิดของเอมเมอรัล มีนักโทษเพียงสองประเภทที่เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาห้าปี ไม่เป็นสัตว์ป่าที่หิวโหยก็เป็นคนที่กำลังวางแผนหลบหนี ถ้าเป็นประเภทแรกเขาก็พอจะรู้จักใครบางคนที่ช่วยได้ แต่ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็…. จากนั้นเอมเมอรัลก็ได้ถามออสวอลด์ว่าเขาเป็นแบบไหน

ตรงนี้เราจะเลือกตอบได้ว่าเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง หากตอบแบบแรกก็เป็นการพูดคุยเพิ่มเติมจนสุดท้ายก็ต้องตอบแบบหลัง (The Latter) อยู่ดี เพราะเอมเมอรัลเขามองออกอยู่แล้ว ซึ่งตัวเอมเมอรัลนั้นรู้ข้อมูลมากมายภายในเรือนจำแห่งนี้ และเขายินดีจะช่วยเหลือเพียงแต่มีข้อแลกเปลี่ยนก็คือ เขาจะต้องร่วมอยู่ในแผนของออสวอลด์ด้วย ซึ่งออสวอลด์ก็ได้ตกลง พร้อมกับถามข้อมูลจากเอมเมอรัล โดยการหลบหนีจำเป็นต้องมีเรือช่วยพาออกจากเกาะ ซึ่งออสวอลด์ตั้งเป้าไปที่เรือที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่จะมาตรวจเรือนจำ แต่เวลาที่เข้ามาจะไม่แน่นอน และอีกอย่างหนึ่งที่ออสวอลด์ต้องการก็คือ กุญแจปลดล็อคที่ครอบปากของเขา ทางเอมเมอรัลก็บอกว่าข้อมูลอย่างแรกนั้นพอจะหามาได้ แต่กุญแจนั้นเขาไม่รับปาก

วันต่อมาในช่วงเวลาพัก
ซึ่งวันนี้เราต้องมาข้อมูลเกี่ยวกับ “ผู้จัดหาสิ่งของ” ก็ให้เราหาข้อมูลจากนักโทษ จนกระทั่งได้เจอกับ เบล (อยู่บริเวณลานกว้างทางซ้าย) ซึ่งเบลจะบอกว่าเขานี่แหละคือ “ผู้จัดหาสิ่งของ” เขาสามารถหาของที่คนต้องการได้ เพียงแต่ไม่ได้แลกกับเงิน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ละคนก็จะมีมูลค่าในบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เราจะต้องออกไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับจุดอ่อนของเบลจะได้นำมาต่อรองได้ง่ายขึ้น ก็ให้เราวิ่งกลับไปทางขวาจะพบกับนักโทษคนหนึ่งที่มีสัญลักษณ์สีเขียวอยู่ เมื่อตรวจหาข้อมูลกับเขาเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับข้อมูลจุดอ่อนของเบลมา ทีนี้ก็ให้เรากลับไปคุยกับเบลอีกครั้ง ครั้งนี้เราจะยื่นกระดาษให้กับเบลทำให้เขาตกใจมากและเขาก็ได้มอบเสื้อที่เราต้องการเพื่อแลกกับกระดาษข้อมูลนี้

ในคืนนั้นเราจะฝันถึงเหตุการณ์ในอดีต
ฮาร์วีย์: ออสวอลด์ได้เจอคำตอบแล้วหรือยัง
ออสวอลด์: ยังเลยฮาร์วีย์ แม้ว่าฉันจะมีทฤษฎีก็ตาม ดูเปลวไฟเล็กๆ นี่สิ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าฉันใช้สมการที่มีอยู่ที่นี่ ความเข้มข้นของมันจะเพิ่มขึ้นและในทฤษฎี พลังของมันจะเพิ่มแบบทวีคูณ แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันเป็นเพียงเปลวไฟ พลังของมันก็จะถูกจำกัด
ฮาร์วีย์: ใช้สมการเพื่อเพิ่มพลังเวทมนตร์? นี่มันน่าทึ่งมาก! เวทมนตร์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว นายเข้าใกล้มันขึ้นมาอีกขั้นแล้ว ที่จะยืนโดดเดี่ยวบนยอดวิชาความรู้แห่งเวทมนตร์ ถึงแบบนั้นฉันต้องเตือนนายว่าอย่าหลงใหลกับความคิดนี้มากเกินไป เพราะฉันจะต้องเหนือกว่านายให้ได้

วันต่อมาหลังจากทำงานหนัก
วันนี้จะต้องหาเส้นทางหนีที่เหมาะสมให้ได้ ในวันนี้ให้เราเดินไปทางซ้ายแล้วขึ้นด้านบนจะเข้าสู่แผนที่ส่วนของเรือนจำ ให้เดินขึ้นบันไดไปจะเจอกับชายคนหนึ่งที่สัญลักษณ์สีเขียว ชายคนนี้บอกว่าเขาไม่ใช่เพียงแค่รู้เกี่ยวกับเส้นทางใต้ดินแต่เขาเป็นคนที่ช่วยสร้างมันขึ้นมาเลย เขาจะไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับมัน เพียงแต่บอกว่ามันน่าจะมีข้อมูลส่วนนี้บันทึกอยู่ในหนังสือสักเล่มที่อยู่ในห้องสมุด ทีนี้ก็ให้เรากลับไปที่ส่วนของ Yard แล้วเดินไปทางขวาเข้าบ้านหลังแรกที่เจอ นั่นคือห้องสมุดที่ว่า เมื่อเข้ามาแล้วให้ไปเก็บแสงสีฟ้ามันคือข้อมูลที่เราต้องการ แล้วเราจะได้รู้ว่าทางเดินใต้ดินนี้ สามารถเข้าได้จากป้อมของผู้คุม


ตอนกลางคืนเราก็จะฝันถึงอดีตอีกครั้ง
ออสวอลด์: ฉันเจอทางตันแล้วล่ะ มันยังขาดส่วนสุดท้าย ฉันได้ลองตรวจทุกอย่างที่เป็นไปได้แล้ว แต่ก็ยังไม่พบมัน อะไรที่มันทรงพลังมากพอที่จะเป็นแหล่งกำเนิดของเวทมนตร์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว?
ฮาร์วีย์: นายทำมาพอแล้วล่ะ ทำได้เยี่ยมมากจริงๆ นะ ออสวอลด์ ตอนนี้ให้ฉัน ฮาร์วีย์ผู้ยิ่งใหญ่ มอบชิ้นส่วนสุดท้ายให้กับนาย 
แล้วเราก็จะตื่นขึ้นมาก่อนและในระหว่างที่ทำงานเอมเมอรัลจะนัดให้เราไปเจอที่โรงเก็บของ ซึ่งจะมันคือบ้านหลังที่อยู่ด้านในถัดจากบ้านแรกสุดที่เราเคยเจอกับเอมเมอรัลครั้งแรก ซึ่งเอมเมอรัลก็จะเอาข้อมูลที่เราต้องการมาให้ แล้วพบว่ามันคือวันพรุ่งนี้แล้ว

ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาแห่งการหลบหนี ตอนนี้เราจะร่วมกลุ่มกับเอมเมอรัลเพื่อดำเนินการตามแผนขั้นแรกก็คือการเข้าสู่ทางเดินใต้ดิน จากนั้นให้เดินไปทางซ้ายสุดของแผนที่นั่นคือป้อมผู้คุม แต่เราก็จะเจอกับบ่อน้ำซึ่งมันคือทางลงไปที่ทางเดินใต้ดิน ตอนนี้เอมเมอรัลก็จะให้กุญแจปลดที่ครอบปากของเรามาด้วย จากนั้นก็เข้าสู่ Prison: Underground Passage ได้เลย ให้เราสำรวจไปจนสุดทาง จะได้พบกับพัศดีที่มารอเราอยู่แล้ว พัศดีเขาได้จับตาดูเอมเมอรัลและพบว่าเราทั้ง 2 คนติดต่อกันอยู่ จากนั้นเราและเอมเมอรัลจะเข้าต่อสู้กับพัศดี แล้วหลบหนีออกไปได้

ณ สุดขอบโลกมีคนหนึ่งนั่งอยู่ ชายที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความแค้น
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการถูกจองจำมาห้าปี ในที่สุดเขาก็หลบหนีออกมาได้
ขณะนี้ทะเลแห่งความโกรธเกรี้ยวได้กั้นระหว่างเขากับอิสรภาพที่แท้จริง เส้นทางสุดท้ายในการเดินทางของเขาไปยังแผ่นดินใหญ่ ความยากลำบากของนักวิชาการที่เคยถูกคุมขังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
Osvald – Chapter 1 End

ในขณะที่ออสวอลด์กลับมาที่บ้านของเขา กลับพบว่าบ้านหลังนั้นกำลังถูกไฟไหม้อยู่
ออสวอลด์: ริต้า!!!! เอเลน่า!!!! ไม่!!!!!!
ฮาร์วีย์ได้เดินออกมาจากด้านข้างของบ้าน
ฮาร์วีย์: ฉันทนทุกข์ทรมานอยู่ภายใต้เงาของนายมานานเพียงใด แต่ตอนนี้ฉันได้เอาทุกสิ่งที่เคยเป็นของนายไปแล้ว และในเวลาอันสมควรฉันจะสร้างเวทมนตร์ที่แท้จริงให้สำเร็จ
ในระหว่างนี้ก็มีคน 2 คนเข้ามาจับตัวออสวอลด์ไว้
ออสวอลด์: ฮาร์วีย์ แกไอบัดซบ
ฮาร์วีย์: นี่แหละ ออสวอลด์ มันคือคำตอบของฉัน ฮาฮาฮา
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ไฟได้แผดเผาอยู่ภายในอก
ฮาร์วีย์แกได้เอาทุกอย่างไปจากฉัน

กลับมาที่การหลบหนีของออสวอลด์และเอมเมอรัลให้เราวิ่งตามทางเดินต่อไปจนกระทั่งมายังหน้าประตูเรือนจำและข้าม สะพานด้านล่างไป จะเข้าสู่แผนที่ Frigit Isle: Anchorage เดินลงมาตามทาง บริเวณท่าเรือจะพบพวกผู้คุมคอยดูแลอยู่ ทำให้เราไม่สามารถฝ่าขึ้นไปบนเรือได้เลย แต่พวกผู้คุมกลับพบเราเข้า จึงเกิดการต่อสู้ สุดท้ายพวกเราก็อัดผู้คุมจนสลบ จากนั้นจะหนีมาหลบอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่ง ในระหว่างที่คุยกับเอมเมอรัลอยู่เราจะพบเข้ากับกองฟาง ทำให้เกิดไอเดีย นำฟางพาผูกรวมกันแล้วใช้เวทมนตร์น้ำแข็งจนสร้างเรือขึ้นมาได้ หลังจากที่ได้ข้ามฝั่งมาแล้ว เอมเมอรัลจะไม่ยอมตามออสวอลด์ไปอีก เพราะว่าหากเดินแบบนี้กว่าจะถึงแผ่นดินใหญ่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา เขาจะขอเสี่ยงไปอยู่บนเรือของผู้ตรวจสอบดีกว่า ถึงแม้ออสวอลด์จะบอกแล้วว่าหากมากับเขามันจะมีโอกาสรอดมากกว่า

หลังจากแยกกันแล้วเมื่อเราเดินทางต่อไปอีกนิดฉากจะตัดไปที่ฝั่งเอมเมอรัลเขาสามารถปล้นเรือผู้ตรวจสอบได้ เพียงแต่ว่าเขารู้ว่าไม่มีทางรอด พวกผู้คุมจะออกเรือตามมาเจอเขาได้อีกอยู่ดี สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจุดไฟเผาเรือแทน
มีเพียงข้อเท็จจริงที่น่าสงสัยหนึ่งข้อเท่านั้นที่เหลืออยู่
เอมเมอรัล ทำไมเขาถึงได้จุดไฟเผาเรือของผู้ตรวจสอบ
การกระทำของเขาดึงความสนใจของผู้คุมไป
ทำให้เรือลำเล็กของฉันหลบหนีออกไปได้โดยที่ไม่พบเห็น
และไม่เพียงเท่านั้น ฉันสงสัยว่าจะมีใครไล่ตามฉันอยู่ไหม
พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าเอมเมอรัลกับฉันได้แยกทางกันหนี
พวกเขาอาจจะคิดว่าฉันก็อยู่บนเรือของผู้ตรวจสอบที่จมลงไป
การกระทำครั้งสุดท้ายของเอมเมอรัลนั้นสมบูรณ์แบบ..
ความลึกลับบางอย่างไม่มีวันได้รับการแก้ไข
ความว่างเปล่าเกาะอยู่ในอกของฉัน
หลังจากนั้นฉันจึงยังคงพายเรือต่อไป
ไกลเท่าที่แขนของฉันจะพาไป
ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

จากนั้นเราจะตื่นขึ้นมาในบ้านหลังหนึ่ง ชายแก่เจ้าของบ้านก็เดินเข้ามา เขาพบเรานอนอยู่บนชายหาด แทบจะแข็งตาย เหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้น ตลอดเวลา 30 ปี เขาได้พบเห็นนักโทษ 3 คน ที่ถูกซัดมาแบบนี้ แต่ออสวอลด์เป็นคนแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ ชายแก่คนนั้นก็ถามว่าออสวอลด์เป็นนักวิชาการใช่มั้ย เขาก็เป็นนักวิชาการเช่นกัน แล้วชายแก่ก็เอาเสื้อผ้ามาให้เขาเปลี่ยน ก่อนที่จะจากกันชายแก่คนนั้นก็บอกกับออสวอลด์ว่า ตั้งแต่ตอนนี้ไปเขาอยากให้ออสวอลด์ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ แต่ภายในใจของออสวอลด์กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะเขามีไฟแค้นสุมอยู่ในอก เขาต้องการแก้แค้นฮาร์วีย์ชายที่พรากเมียและลูกไปจากเขา
ออสวอลด์จึงได้เริ่มออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการแก้แค้น
Osvald – Chapter 2 End

ทีนี้เราก็จะกลับมารวมที่กลุ่มหลัก โดยปาร์ตี้ที่แนะนำก็คือ ฮิคาริ ออสวอลด์ โอชุตต์ และ พาร์เททิโอ สาเหตุที่เอา 3 คนแรกไว้เพราะว่าเป็นตัวละครที่เก่งมาก ช่วยในการเก็บเลเวลได้ดี ส่วนพาร์เททิโอ เอาไว้เพราะว่าติดตั้ง Support Skills Grows on Trees ช่วยเพิ่มเงินที่ได้รับหลังกำจัดมอนสเตอร์ได้ แล้วก็มี Boost-Start เพิ่ม BP ตอนเริ่มต่อสู้ให้กับทุกคนในปาร์ตี้ จากทางแยกตรงนี้ให้เราเดินตรงขึ้นไปด้านบนเพื่อเข้าสู่เมือง Cape Cold เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ที่ให้เข้ามาเมืองนี้เพื่อเป็นการเปิดแผนที่เอาไว้กด Fast Travel ได้ในภายหลัง สำรวจเมืองเสร็จแล้วก็ให้กลับออกไปที่แผนที่ Southern Cape Cold Snows

ทีนี้ก็ให้วิ่งกลับไปที่ทางแยกแล้วเลี้ยวขวาข้ามสะพาน จากนั้นให้พยายามหาทางออกตรงบริเวณขวาของแผนที่จะเข้าสู่ Eastern Cape Cold Snows แล้วออกจากแผนที่นี้ทางขวาบนจะเป็น Western Winterbloom Snows ในแผนที่นี้เมื่อข้ามสะพานด้านบนมาแล้วให้เลือกเลี้ยวซ้ายแล้วเดินขึ้นไปจะเจอกับบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมันก็คือ Scholars Guild ให้คุยกับ Scholars Guild Master ก็จะได้รับ License ขั้นที่ 1 ของอาชีพ Scholars มา สำหรับขั้นที่ 2 และ 3 จะมีเงื่อนไขที่เรายังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ให้ผ่านไปก่อน ทีนี้เราก็สามารถเลือกอาชีพรองเป็น Scholars เพิ่มได้อีก 1 อาชีพแล้ว เสร็จแล้วก็กลับออกมาแล้ววิ่งผ่านไปทางขวา ก็จะเข้าสู่เมือง Winterbloom

ที่เมืองนี้หากเรามี พาร์เททิโอ อยู่ในปาร์ตี้ให้วิ่งไปที่บ้านหลังขวาสุด จะเป็นการเริ่มทำ Scent of Commerce ที่จะเป็นเหมือนภารกิจย่อยเฉพาะตัวของพาร์เททิโอ โดยภารกิจนี้เราต้องไปตามหานักดนตรีทั้ง 3 มาที่บ้านหลังนี้เพื่อทำการบันทึกเสียง แต่ตอนนี้ก็ให้เราข้ามก่อนเอาไว้ทำต่อในภายหลังเพราะจะต้องเดินทางไปหลายสถานที่
ใน Winterbloom ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ที่ให้เดินทางมาก็เพื่อเปิดจุด Fast Travel เอาไว้เช่นกัน เพื่อให้ภายหลังจะได้วาปมาทำเนื้อเรื่องของแคสตี้ได้ พอเราสำรวจเสร็จแล้วก็ให้กลับออกไปที่ Western Winterbloom Snows ต่อด้วยไปที่ Eastern Cape Cold Snows ทีนี้ให้ข้ามสะพานกลับไปจนถึงทางแยก จุดนี้ให้เราเดินทางลงไปทางด้านล่างแล้วจะเข้าสู่แผนที่ Eastern Flamechurch Pass เดินลงมาจนถึงทางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายต่อด้วยเดินขึ้นบันไดตามเรื่อยๆ จนเข้าสู่เมือง Flamechurch เดินต่อไปอีกนิดจะเจอกับเหตุการณ์ที่มีคนก่อจราจลยืนโวยวายอยู่ จากนั้นก็จะมีนักบวชหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา และขอให้เราช่วยแก้ปัญหาด้วยกัน จนกระทั่งอัดคนที่โวยวายนั้นล้มลงไป แล้วเราก็จะรู้ว่านักบวชหนุ่มคนนั้นชื่อว่า เทเมนอส เพื่อนคนต่อไปของเรานั่นเอง ทีนี้ก็เข้าสู่เนื้อเรื่องอันแสนสนุกของเขาได้เลย

 
				 
															 
								 
															



 
								