ณ ท่าเรือแห่งหนึ่ง
ขณะที่ฝนกำลังตกหนัก บุคคลลึกลับกำลังพยุงหญิงสาวที่ดูบาดเจ็บหนักไร้สติอยู่
บุคคลลึกลับ: เธอมีพลังที่จะช่วยชีวิตคนอื่นมากยิ่งกว่าใคร นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ
บุคคลลึกลับพาเธอลงไปยังเรือพายลำเล็ก
บุคคลลึกลับ: ถ้าจะมีใครสักคนที่สามารถสร้างยารักษาได้ มันต้องเป็นเธอ มันขึ้นอยู่กับเธอแล้วตอนนี้
บุคคลลึกลับได้ดันเรือลำเล็กออกจากฝั่ง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เรือลำนั้นได้ลอยล่องไปกลางทะเล โดยที่มีหญิงสาวไร้สตินอนอยู่คนเดียว จนกระทั่งมีคนที่อยู่บนเรือลำใหญ่มาพบเธอเข้า
ฉันได้ยินเสียงคลื่น
ฉันอยู่ที่ไหน
ฉันอยู่บนเรือหรอ
หญิงสาวได้ตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่บนเรือลำหนึ่ง กัปตันเรือก็ได้เข้ามาถามว่าทำไมถึงได้อยู่บนเรือลำนั้น แต่หญิงสาวกลับไม่รู้ว่าทำไมเธอไปอยู่ที่นั่นได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด กัปตันก็ได้บอกว่าเขารู้อยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับเธอนั่นก็คือเธอชื่อว่า แคสตี้ เพราะว่ามันเขียนอยู่บนเสื้อของเธอนั่นเอง เมื่อแคสตี้พบว่าตัวเองความจำเสื่อมเธอก็ไม่ได้ตกใจ แต่กลับมีความคิดที่เป็นระบบ และเริ่มจะพยายามตามหาความทรงจำ โดยเริ่มจากถามข้อมูลเกี่ยวกับเรือของเธอว่ามันมาจากไหน

ตอนนี้เราจะต้องเริ่มสอบถามข้อมูลจากลูกเรือ โดยให้ใช้ Path Action ของแคสตี้ ที่เรียกว่า Inquire (สอบถาม) ก็ให้ไล่สอบถามคนบนเรือ แล้วแคสตี้จะสรุปข้อมูล เมื่อดูจากกระแสน้ำเรือของเธอน่าจะลอยมาจากที่ไหนสักแห่งทางทวีปฝั่งตะวันออก จากอาการของเธอเมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่ามีอาการอ่อนแรงและขาดน้ำอย่างรุนแรง คาดว่าน่าจะลอยอยู่หลายวัน จากนั้นจะสับสนว่าทำไมตัวเธอเองสามารถสรุปข้อมูลพวกนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ต่อ และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ จากนั้นแคสตี้จะกลับไปที่ห้อง เพื่อตรวจหาเบาะแสจากข้าวของที่ติดตัวมา
ให้เดินไปยังที่พักภายในเรือจะเจอกับกระเป๋า และเธอก็จำได้ว่ามันคือของตัวเองนี่แหละ ภายในนั้นพบว่ามี สมุนไพร ครก สาก ซึ่งเอาไว้สำหรับเตรียมทำยา ทำให้แคสตี้สรุปได้ว่าเธอน่าจะนักปรุงยา เมื่อค้นต่อก็เจอกับ ดอกไม้สีขาว ซึ่งมันค่อนข้างแปลกที่อยู่ในกระเป๋านี้ จากนั้นเรือก็จะเทียบท่าที่เมือง Canalbrine ชาวเมืองที่เห็นชุดของเธอก็เหมือนจะรู้ว่าเธอมาจากไหน ตอนนี้แคสตี้จะเริ่มจากการสอบถามภายในเมืองเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับตัวเองเพิ่มเติม เมื่อเดินไปถึงจุดในแผนที่ จะพบว่าชาวเมืองค่อนข้างทำตัวเย็นชากับเธอ และเจอกับชายที่ชื่อ เซน่า ที่ดูอาการไม่ค่อยดี เธอได้รีบวิ่งเข้าไปดูอาการ ตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวอีกคนวิ่งเข้ามาและถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น แคสตี้เลยบอกว่า เซน่าตัวร้อนมาก ต้องรีบพาเข้าไปข้างใน แคสตี้กับหญิงสาวได้วิเคราะห์อาการของเซน่า และแคสตี้พบว่าเธอน่าจะมียารักษาอยู่

ให้เราใช้ Path Action ตอนกลางคืน Soothe (บรรเทาอาการ) จะทำ NPC ที่ได้รับยาของเราไปจะนอนหลับ ความสามารถนี้จะใช้เฉพาะบางสถานการณ์เท่านั้น จากนั้นก็ให้เรากด Soothe ใส่เซน่าได้เลย จากนั้นแคสตี้จะพูดคุยกับหญิงสาวเล็กน้อยจะได้รู้ว่าเธอชื่อ มาลายา เป็นนักปรุงยาแบบเธอนี่แหละ จากนั้นก็มีชายที่ชื่อว่า เซทควิท เข้ามา ถามว่าพวกเราคือใคร และเห็นชุดสีน้ำเงินที่เราแต่งตัวก็ตกใจ และสั่งให้เราออกห่างจากน้องชายเขาทันที เขาบอกว่าพวกเธอคือ กลุ่มนักปรุงยาของเอียร์ใช่มั้ย ซึ่งแคสตี้ก็ไม่เข้าใจ แต่เซทควิทก็บอกว่าต้องใช่แน่นอน ทั้งชุดและตราที่อยู่บนเสื้อ ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังวุ่นวาย เพราะหนึ่งในพวกคุณนี่แหละกำลังแพร่โรคระบาดให้กับเมืองและแอบซ่อนตัวอยู่ และไล่พวกเรา 2 คนออกจากบ้านไป

แคสตี้ก็ออกมาคุยกับมาลายา ซึ่งทางมาลายาเคยได้ยินชื่อ กลุ่มนักปรุงยาของเอียร์ มาก่อน แต่เธอก็ไม่ได้บอกรายละเอียด แคสตี้ก็กังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของเซน่าและคิดว่ามันไม่น่าจะจบแค่นี้ หากไม่ค้นหาต้นตอให้พบมันอาจจะแพร่ระบาดไปทั่วเมืองได้ แคสตี้กับมาลายาจึงร่วมมือกันค้นหาต้อตอของโรคระบาดนี้ จากนั้นพวกเธอก็ได้เจอกับกลุ่มชาวเมืองเข้ามาต่อว่า และเล่าถึงพฤติกรรมของกลุ่มนักปรุงยานี้ที่ได้ทำลงไปที่ทวีปตะวันออก กลุ่มนี้จะเดินทางไปทั่ว โดยคิดค่ารักษาแค่เพียงเล็กน้อย แต่นั่นมันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง ยาของพวกเขาคือยาพิษและพวกเขาฆ่าคนมากกว่าที่รักษาได้เสียอีก และได้ยินมาอีกว่าพวกเขาฆ่าคนทั้งเมืองเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย ตอนนี้ก็มีข่าวลือว่าเห็นพวกเขาอยู่ในเมืองนี้ และพวกเธอก็คือนักปรุงยาแปลกหน้าที่เราเห็นอยู่ แคสตี้ก็ได้บอกว่าเธอจำอดีตของเธอไม่ได้ว่าเป็นใครและเคยทำอะไรมา แต่สิ่งที่เธอต้องการทำตอนนี้ก็คือ ช่วยเหลือชาวเมือง และกำลังตามหาเบาะแสถึงสิ่งที่ทำให้คนในเมืองเจ็บป่วย ในระหว่างที่คุยกันก็มีชาวเมืองที่ชื่อ มาโล ล้มลงไป เธอจึงรีบเข้าไปตรวจและพบว่าอาการเหมือนกับเซน่าเลย เธอก็เลยรีบพามาโลไปรักษา จากนั้นก็มีชาวเมืองอีกคนวิ่งเข้ามา บอกว่ามีคนอีกกลุ่มล้มป่วย แคสตี้เลยอาสาที่จะไปรักษาพวกเขา

ตอนนี้ก็ให้เรารีบไปรักษาคนที่ล้มป่วยอยู่ทั่วเมืองโดยให้ดูจากแผนที่ หลังจากนั้นก็จะมีชาวเมืองเข้ามาขอโทษและเซทควิทก็บอกด้วยว่าเซน่าอาการดีขึ้นแล้วเพราะว่าแคสตี้รักษาให้ จากนั้นเซทควิทบอกว่า ก่อนที่เซน่าจะล้มป่วย รู้สึกว่าน้ำที่กินมีรสชาติแปลก ชาวเมืองอีกคนก็บอกเช่นกันว่าแม่ของเขาที่ล้มป่วยก็พูดแบบนี้ ส่วนชาวเมืองอีกคนบอกว่า เขาต้มน้ำกินตอนเช้าแต่ไม่รู้สึกเลยว่ามันมีรสชาติแปลกๆ แคสตี้เลยคิดว่าสาเหตุเป็นเพราะน้ำนี่แหละ ใครที่กินมันโดยไม่ต้มจะทำให้เกิดอาการป่วย ชาวเมืองก็เล่าว่าน้ำภายในเมืองนี้ พวกเขาตักมาจากบ่อน้ำพุที่ไหลออกมาจากถ้ำทางใต้ของเมือง แคสตี้จึงตัดสินใจจะเดินทางไปที่ถ้ำทางใต้ เพื่อล้างพิษของมันออกให้ได้ โดยฝากมาลายาคอยรักษาดูแลชาวเมืองในระหว่างนี้แทน
ให้เราเดินทางออกไปยังทางใต้ของเมืองเข้าสู่ Canalbrine: Path to the Water Source แล้วก็เดินตามทางจนกระทั่งเข้าสู่ ทางน้ำ Canalbrine: Water Source เดินทางต่ออีกเล็กน้อยก็จะเจอกับ NPC ขายของและจุดเซฟ ก็ให้เซฟเอาไว้แล้วไปต่อ แล้วเราจะพบเข้ากับต้นตอของโรคระบาด ซึ่งเป็นเหล่ามอนสเตอร์ที่ติดเชื้อจนทำให้น้ำเน่าเสียไปด้วย เราก็จะเข้าสู้กับพวกมัน

หลังจากปราบสำเร็จแล้ว เราก็จะมาโปรยผงยาเพื่อล้างพิษในบ่อน้ำ จากนั้นก็กลับเมืองเพื่อแจ้งข่าวดี ชาวเมืองก็ออกมาต้อนรับพร้อมทั้งขอโทษและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาแคสตี้ก็ได้มาคุยกับมาลายากัน 2 คน แคสตี้ได้ถามถึงสาเหตุที่ทำให้มาลายาต้องออกเดินทาง โดยมาลายาก็ให้เหตุผลว่าเธอออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีรักษาโรคร้าย ตอนนี้เธอรู้ถึงส่วนผสมในการปรุงยานั้นแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ถึงสูตรวิธีการปรุงมันขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงเดินทางด้วยความหวังที่จะทำมันให้สำเร็จและช่วยชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างเดินทาง แคสตี้ก็เลยถามว่ามีอะไรให้เธอช่วยมั้ย แต่มาลายาก็ปฏิเสธเพราะมันคือสิ่งที่เธอต้องแบกรับเอาไว้เอง และแคสตี้ก็มีปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว จากนั้นแคสตี้ก็ขอร้องให้มาลายาช่วยเล่าเรื่องของกลุ่มนักปรุงยาของเอียร์
เมื่อเรากด Inquire ใส่มายาลา จะเกิดภาพมัวขึ้นมา ปรากฏเป็นความทรงจำในตอนเริ่มต้น พบว่าบุคคลลึกลับที่ช่วยแคสตี้เอาไว้ก็คือตัวมาลายาเองนี่แหละ ก่อนจากกันมาลายาก็ได้พูดกับแคสตี้ว่า “ฉันหวังว่าสักวัน ความทรงจำของเธอจะกลับคืนมานะ ลาก่อน” แคสตี้ก็เกิดอาการปวดหัว เมื่อเธออาการดีขึ้นก็พบว่ามาลายาได้หายไปแล้ว และเธอสำรวจในกระเป๋าตัวเอง พบช่องลับในนั้นมี บันทึกการรักษา

ในมือของฉันได้ถือไดอารี่เล่มหนึ่ง ที่ฉันมั่นใจว่ามันถูกเขียนด้วยลายมือของฉันเอง
มันมีบันทึกวิธีการรักษาต่างๆ ที่ให้แก่ผู้ป่วยที่ได้พบ
มีเมือง 2 เมืองที่ถูกระบุอยู่ก็คือ Sai และ Winterbloom
ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเปื้อนไปด้วยเลือด
ทุกสิ่งที่นอกเหนือจากสองสามหน้าแรกมีรอยเลือดเปื้อนมากเกินกว่าจะอ่านมันได้ 
ด้วยไดอารี่เล่มนี้เองทำให้เธอมองเห็นถึงเบาะแสใหม่ที่ทำให้เธอตัดสินใจไปสำรวจที่เมือง Sai และ Winterbloom
หลังจากนั้นแคสตี้ได้ออกจากเมืองท่าเรือ
ทำไมเธอถึงถูกปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเล?
เธอมีความเชื่อมโยงอะไรกับกลุ่มนักปรุงยาของเอียร์
และใครคือบุคคลลึกลับ จะใช่มาลายามั้ย?
เพื่อตามหาความทรงจำที่หายไป
แคสตี้จึงได้เริ่มออกเดินทาง
Castti – Chapter 1 End

เอาล่ะทีนี้มาเริ่มสำรวจเมือง Canalbrine เมืองนี้ค่อนข้างมีอะไรให้ทำพอสมควร หากใครมีความอดทนและก่อนหน้านี้ตอนที่ได้พาร์เททิโอเข้าร่วมกลุ่มแล้วจ้าง NPC ที่มีสกิล Lucky Break ตามที่เคยบอกไว้ ให้ไปกด Bribe ติดสินบน NPC ที่ชื่อ Trader ซึ่งจะอยู่บริเวณแถวท่าเรือ จะทำให้ร้านขายอุปกรณ์ปลดล็อคอุปกรณ์ใหม่เพิ่มขึ้นมา ตอนนี้ใครที่มีเงินไม่ถึง 20,000 Leaves ก็ออกไปกำจัดมอนสเตอร์นอกเมืองหรือขายไอเทมที่ไม่ใช้แทนก็ได้ เมื่อมีเงินถึง 20,000 Leaves แล้วให้กดเซฟที่กลางเมือง แล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านขายอุปกรณ์ จะเห็นว่ามีไอเทมที่ชื่อว่า Master Harpoon วางขายอยู่ในราคา 20,000 Leaves ซึ่งเพิ่มพลังโจมตีมากถึง 103 หน่วย เป็นอาวุธที่ดีใช้ถึงกลางเกมได้สบาย ทีนี้ก็ให้เรากดซื้อแล้วหวังว่า Merchant Talents Lucky Break ที่มีโอกาสเพียง 1% มันจะติดขึ้นมา ตอนที่ติดจะเห็นว่าเงินของเราจะไม่ลดลง แต่หากลดตามปกติก็ให้เรากดโหลดเซฟแทน ทำจนกว่าจะสำเร็จ เมื่อสำเร็จก็ให้ ฮิคาริใส่ได้เลย หากใครอดทนมากก็ทำออกมาอีกอันแล้วใส่ให้พาร์เททิโอด้วยก็ได้ (ส่วนตัวผู้เขียนทำแค่ครั้งเดียว) หรือหากใครคิดว่ามันเสียเวลาและน่าเบื่อเกินไปก็ข้ามส่วนนี้ไปได้เลย
เมื่อสำรวจเมืองจนพอใจแล้ว เป้าหมายต่อไปของเราจะเป็น Beasting Bay: Anchorage โดยคุยกับ NPC ที่ท่าเรือก็จะไปที่นั่นได้ เมื่อถึงแล้วเดินออกมาทางขวาถึง 3 แยกที่มีป้ายบอกทาง ให้เราเลือกลงไปทางด้านล่างเข้าสู่แผนที่ North Beasting Traverse ที่นี่จะไม่มีอะไรมากวิ่งตามทางเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Beasting Village แล้วเดินมาตามทางเล็กน้อยก็จะเจอกับเพื่อนคนต่อไปของเรา โอชุตต์ ยืนเด่นอยู่ ก็คุยกับเธอแล้วเข้าสู่เนื้อเรื่องกันได้เลย
 
				 
															 
								 
															



 
								